กรดอ๊อกซาลิก คืออะไร? คุณสมบัติและการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ

กรดอ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) เป็นสารเคมีในกลุ่มกรดอินทรีย์ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในภาคอุตสาหกรรมและการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีสูตรเคมี C₂H₂O₄ ลักษณะทั่วไปเป็นผลึกสีขาว ไม่มีสี มักจำหน่ายในรูปผงที่สามารถละลายน้ำได้ง่าย กรดชนิดนี้มีความสามารถพิเศษในการละลายคราบโลหะออกไซด์ เช่น สนิม รวมถึงช่วยฟอกสีไม้ ผ้า และทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยคุณสมบัติการจับตัวกับแร่ธาตุอย่างแคลเซียมและแมกนีเซียม แทน “อ๊อกซาลิก” จึงถูกนำไปใช้ในงานหลายประเภท เช่น การล้างคราบหินปูนในสระว่ายน้ำ การฟอกผ้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอ การฟอกสีไม้ในงานเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการเตรียมผิวโลหะก่อนการชุบหรือการเชื่อม ทั้งนี้ยังพบว่าแทน อ๊อกซาลิกมีอยู่ตามธรรมชาติในพืชบางชนิด เช่น ผักโขม บีทรูท และโกโก้ ซึ่งในปริมาณเล็กน้อยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไปอาจกระทบต่อการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกายได้

อย่างไรก็ตาม แม้อ๊อกซาลิกจะมีประโยชน์หลากหลาย แต่ก็จัดเป็นสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นพิษเมื่อรับประทานหรือสูดดม จึงจำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างเหมาะสม โดยควรสวมถุงมือ แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ทุกครั้งเมื่อใช้งาน รวมถึงเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ห่างจากความชื้นและแหล่งความร้อน เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม


1. กรดอ๊อกซาลิก คืออะไร

อ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) หรือชื่อทางเคมีว่า Ethanedioic Acid เป็นสารเคมีในกลุ่มกรดอินทรีย์ที่พบได้ทั้งในธรรมชาติและผลิตขึ้นในเชิงอุตสาหกรรม มีสูตรเคมี C₂H₂O₄ และในรูปไฮเดรต (Hydrated form) คือ C₂H₂O₄·2H₂O ลักษณะทั่วไปเป็นผลึกใสหรือสีขาว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และสามารถละลายน้ำได้ดี โดยมักวางจำหน่ายในรูปผงสีขาวเพื่อความสะดวกในการใช้งานและการจัดเก็บ

สารนี้จัดอยู่ในกลุ่ม กรดคาร์บอกซิลิก (Carboxylic Acid) ซึ่งมีหมู่คาร์บอกซิล (-COOH) จำนวน 2 หมู่ หรือที่เรียกว่าเป็น กรดไดคาร์บอกซิลิก (Dicarboxylic Acid) การมีหมู่คาร์บอกซิลสองหมู่ทำให้อ๊อกซาลิกมีความเป็นกรดสูงกว่ากรดอินทรีย์ชนิดอื่น เช่น กรดซิตริกหรือกรดอะซิติก ส่งผลให้มีความสามารถในการละลายโลหะออกไซด์ (เช่น สนิม) และจับตัวกับไอออนของโลหะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในธรรมชาติ อ๊อกซาลิกสามารถพบได้ในพืชผักหลายชนิด เช่น ผักโขม (Spinach), รูบาร์บ (Rhubarb), บีทรูท, โกโก้ และชาบางประเภท โดยมักอยู่ในรูปของ เกลือแคลเซียมอ๊อกซาเลต (Calcium Oxalate) ซึ่งเป็นผลึกขนาดเล็กที่พืชสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกกินโดยสัตว์ แต่ในเชิงอุตสาหกรรม อ๊อกซาลิกถูกสังเคราะห์ขึ้นจากกระบวนการทางเคมี เช่น การออกซิเดชันของคาร์โบไฮเดรตด้วยกรดไนตริก หรือการใช้ไนโตรเจนไดออกไซด์เป็นตัวออกซิไดซ์

อ๊อกซาลิกเป็นสารเคมีที่มีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง ทั้งในด้านการทำความสะอาด, การฟอกสี, การขจัดคราบ และการเตรียมพื้นผิวโลหะ แต่ด้วยความเป็นกรดแรงและมีฤทธิ์กัดกร่อน จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังสูง เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม


2. โครงสร้างทางเคมี

กรดอ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) มีสูตรโครงสร้างทางเคมีคือ HOOC–COOH ซึ่งประกอบด้วยหมู่คาร์บอกซิล (-COOH) จำนวน 2 หมู่ ทำให้จัดอยู่ในกลุ่ม กรดไดคาร์บอกซิลิก (Dicarboxylic Acids) โครงสร้างนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อ๊อกซาลิกมีความเป็นกรดสูงกว่ากรดอินทรีย์ทั่วไป เนื่องจากหมู่คาร์บอกซิลทั้งสองสามารถแตกตัวปล่อยโปรตอน (H⁺) ได้ ส่งผลให้สารมีค่าความเป็นกรด (pKa) อยู่ที่ประมาณ 1.27 ซึ่งถือว่าแรงสำหรับกรดอินทรีย์

  • สูตรโมเลกุล (Molecular Formula): C₂H₂O₄

  • สูตรโครงสร้าง (Structural Formula): HOOC–COOH

  • มวลโมเลกุล (Molar Mass): 90.03 g/mol (แบบแอนไฮดรัส)

  • โครงสร้างสามมิติ: โมเลกุลมีลักษณะเป็นแบบเส้นตรง (linear) โดยหมู่คาร์บอกซิลอยู่ที่ปลายทั้งสอง

สมบัติทางฟิสิกส์และเคมีที่สำคัญ

  • ความสามารถในการละลาย:

    • ในน้ำ: ประมาณ 90 g/L ที่อุณหภูมิ 20°C → เป็นกรดที่ละลายน้ำได้ดี ทำให้ใช้งานได้ง่ายในรูปสารละลาย

    • ละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์บางชนิด เช่น แอลกอฮอล์และเอทิลอีเทอร์

  • จุดหลอมเหลว (Melting Point): 189–191°C (ในรูปไดไฮเดรต)

  • จุดเดือด (Boiling Point): ไม่ถึงจุดเดือดในสภาพความดันบรรยากาศปกติ เนื่องจากจะเกิดการสลายตัวเป็น กรดฟอร์มิก (Formic Acid) และก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ก่อน

  • ความหนาแน่น: ประมาณ 1.65 g/cm³

  • สถานะ: ผลึกใสหรือขาว ไม่มีกลิ่น

ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับคุณสมบัติ
เนื่องจากหมู่คาร์บอกซิลมีความสามารถในการจับไอออนของโลหะ เช่น Ca²⁺, Fe³⁺, Mg²⁺ จึงทำให้อ๊อกซาลิกมีคุณสมบัติเด่นในด้านการขจัดคราบโลหะออกไซด์ (สนิม) และคราบหินปูน นอกจากนี้ยังสามารถทำปฏิกิริยากับสารอื่น ๆ เพื่อสร้างเกลืออ๊อกซาเลต (Oxalate Salts) ซึ่งมีการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตสารกันสนิม การฟอกผ้า และการเตรียมพื้นผิวโลหะก่อนการชุบ


3. แหล่งที่มาของกรดอ๊อกซาลิก

อ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) สามารถพบได้ทั้งในธรรมชาติและจากการสังเคราะห์ในอุตสาหกรรม แหล่งที่มาของสารนี้มีความสำคัญต่อการเลือกใช้ เนื่องจากวัตถุประสงค์และความบริสุทธิ์ของกรดที่ได้อาจแตกต่างกัน เช่น เกรดอุตสาหกรรมสำหรับทำความสะอาด กับเกรดอาหารที่ต้องผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวด

3.1 แหล่งธรรมชาติ

อ๊อกซาลิกพบได้ตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด โดยมักอยู่ในรูป ผลึกแคลเซียมอ๊อกซาเลต (Calcium Oxalate Crystals) ซึ่งเป็นสารประกอบระหว่างอ๊อกซาลิกและแคลเซียมในเซลล์พืช ผลึกเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยป้องกันพืชจากการถูกสัตว์กัดกิน เนื่องจากมีรสฝาดและอาจทำให้ระคายเคืองช่องปาก

ตัวอย่างพืชที่มีกอ๊อกซาลิกสูง

  • ผักโขม (Spinach): เป็นแหล่งที่พบมากที่สุด จนถือว่าเป็นตัวอย่างหลักในงานวิจัยเกี่ยวกับอ๊อกซาลิก

  • บีทรูท (Beetroot): พบได้ทั้งในหัวและใบ

  • ชาและโกโก้: มีปริมาณอ๊อกซาลิกปานกลาง และอาจส่งผลต่อรสชาติฝาดของชา

  • Rhubarb (ต้นรูบาร์บ): ใบมีปริมาณสูงมากจนไม่เหมาะสำหรับการบริโภคสด

  • ผักและสมุนไพรบางชนิด: เช่น ผักปวยเล้ง ใบชบา

ข้อควรระวังทางโภชนาการ
การรับประทานอาหารที่มีอ๊อกซาลิกในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด โดยเฉพาะ แคลเซียม และ แมกนีเซียม ได้ลดลง เนื่องจากอ๊อกซาลิกสามารถจับตัวกับแร่ธาตุเหล่านี้เป็นเกลืออ๊อกซาเลต ซึ่งร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ดี และในบางกรณีอาจนำไปสู่การเกิดนิ่วในไตหากบริโภคมากเป็นเวลานาน

3.2 แหล่งการผลิตในอุตสาหกรรม

ในภาคอุตสาหกรรม อ๊อกซาลิกถูกผลิตขึ้นเพื่อให้ได้ปริมาณมากและความบริสุทธิ์ที่เหมาะกับการใช้งาน โดยมีหลายวิธีการผลิตที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่

  1. การออกซิเดชันของคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลด้วยกรดไนตริก (Nitric Acid Oxidation)

    • เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กรดไนตริกเป็นตัวออกซิไดซ์เพื่อเปลี่ยนสารตั้งต้น เช่น กลูโคส หรือซูโครส ให้กลายเป็นกรดอ๊อกซาลิก

    • ได้ผลผลิตในรูปสารละลาย ก่อนนำไปตกผลึกเพื่อแยกเป็นผง

  2. การใช้ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen Dioxide Oxidation)

    • เป็นวิธีที่ใช้ในระดับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เนื่องจากควบคุมกระบวนการได้ง่ายและให้ผลผลิตบริสุทธิ์สูง

    • มักใช้ร่วมกับตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

  3. กระบวนการหมักทางชีวภาพ (Biological Fermentation)

    • ใช้จุลินทรีย์หรือเชื้อราบางชนิด (เช่น Aspergillus niger) ย่อยสลายสารอินทรีย์ให้เกิดกรดอ๊อกซาลิก

    • เป็นวิธีที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานต่ำ

ความแตกต่างระหว่างแหล่งธรรมชาติกับแหล่งสังเคราะห์

  • แหล่งธรรมชาติ: ปริมาณต่ำและปนอยู่กับสารประกอบอื่น ต้องใช้กระบวนการสกัด

  • แหล่งอุตสาหกรรม: ผลิตได้ปริมาณมากและควบคุมความบริสุทธิ์ได้สูง เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์


4. คุณสมบัติเด่นของกรดอ๊อกซาลิก

กรดอ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) มีคุณสมบัติทั้งทางฟิสิกส์และเคมีที่โดดเด่น ทำให้ได้รับความนิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการทำความสะอาด ฟอกสี และการเตรียมพื้นผิวโลหะ

คุณสมบัติทางฟิสิกส์

คุณสมบัติ ค่าหรือรายละเอียด
ลักษณะ ผลึกสีขาว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ความหนาแน่น 1.65 g/cm³
จุดหลอมเหลว 189–191°C (ในรูปไดไฮเดรต)
จุดเดือด สลายตัวก่อนเดือด (ไม่สามารถเดือดได้ที่ความดันบรรยากาศปกติ)
ความเป็นกรด (pKa) 1.27 → จัดว่าเป็นกรดแรงในกลุ่มกรดอินทรีย์
การละลายน้ำ ประมาณ 90 g/L ที่อุณหภูมิ 20°C
การละลายในสารอื่น ละลายได้ในแอลกอฮอล์และเอทิลอีเทอร์บางชนิด
สีและกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น

คุณสมบัติการละลายน้ำสูงทำให้อ๊อกซาลิกสามารถนำไปใช้งานในรูปสารละลายได้อย่างสะดวก ทั้งในงานทำความสะอาดและในกระบวนการอุตสาหกรรมต่าง ๆ

คุณสมบัติทางเคมีที่สำคัญ

  1. มีฤทธิ์ละลายคราบโลหะออกไซด์ (สนิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    • อ๊อกซาลิกสามารถทำปฏิกิริยากับสนิม (Iron Oxide) บนผิวเหล็กหรือโลหะอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำได้ เช่น เฟอร์รัสอ๊อกซาเลต (Ferrous Oxalate) ซึ่งสามารถชะล้างออกได้ง่าย

    • เหมาะสำหรับการทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์โลหะ และพื้นผิวที่เป็นเหล็กหรือสแตนเลส

  2. สามารถจับตัวกับแร่ธาตุบางชนิด

    • หมู่คาร์บอกซิล (-COOH) ของอ๊อกซาลิกมีคุณสมบัติในการจับตัวกับไอออนโลหะ เช่น แคลเซียม (Ca²⁺) และ แมกนีเซียม (Mg²⁺)

    • เมื่อจับตัวกันจะเกิดเป็น เกลืออ๊อกซาเลต (Oxalate Salts) ซึ่งไม่ละลายน้ำ เช่น แคลเซียมอ๊อกซาเลต (Calcium Oxalate) ที่เป็นผลึก

    • คุณสมบัตินี้เป็นเหตุผลที่อ๊อกซาลิกสามารถขจัดคราบหินปูน (Calcium Carbonate) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. เป็นได้ทั้งสารรีดิวซ์และสารออกซิไดซ์ในบางปฏิกิริยา

    • ในบางสภาวะ อ๊อกซาลิกสามารถทำหน้าที่เป็น สารรีดิวซ์ (Reducing Agent) ช่วยเปลี่ยนสารประกอบโลหะที่มีเลขออกซิเดชันสูงให้ต่ำลง

    • ในปฏิกิริยาบางประเภทอ๊อกซาลิกสามารถเป็น สารออกซิไดซ์ (Oxidizing Agent) ได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางเคมีที่ใช้

  4. เสถียรภาพและการสลายตัว

    • ที่อุณหภูมิสูง อ๊อกซาลิกจะสลายตัวเป็น กรดฟอร์มิก (Formic Acid) และ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)

    • คุณสมบัตินี้ถูกนำไปใช้ในกระบวนการบางประเภทที่ต้องการผลิต CO₂ หรือกำจัดกรดฟอร์มิก

สรุปความสำคัญของคุณสมบัติ
ความสามารถในการละลายคราบโลหะออกไซด์และจับตัวกับแร่ธาตุ ทำให้อ๊อกซาลิกเป็นหนึ่งในสารเคมีหลักในอุตสาหกรรมทำความสะอาด ฟอกสี และการเตรียมผิววัสดุ ขณะเดียวกัน ความเป็นกรดแรงและการทำปฏิกิริยาได้หลากหลาย ทำให้สามารถประยุกต์ใช้ได้ในงานวิจัยและกระบวนการเคมีอื่น ๆ แต่ก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเป็นสารกัดกร่อนและมีพิษ


5. การใช้งานของกรดอ๊อกซาลิกในอุตสาหกรรมต่างๆ

อ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) เป็นสารเคมีอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นในการละลายโลหะออกไซด์ (สนิม) ขจัดคราบหินปูน ฟอกสี และทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุบางชนิด การใช้งานสามารถแบ่งได้ตามประเภทอุตสาหกรรมดังนี้


5.1 งานทำความสะอาดและขจัดคราบ

อ๊อกซาลิกได้รับความนิยมอย่างมากในงานทำความสะอาด เนื่องจากสามารถละลายสนิม (Iron Oxide) และคราบหินปูน (Calcium Carbonate) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำงานของมันเกิดจากการจับตัวกับไอออนโลหะในคราบเหล่านี้แล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำได้

การใช้งานทั่วไป:

  • ล้างคราบสนิมบนเหล็กและสแตนเลส: ใช้สารละลายอ๊อกซาลิกเข้มข้นพอเหมาะ ทาลงบนผิวที่มีสนิม ทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่งแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

  • ขจัดคราบหินปูนและคราบน้ำในสระว่ายน้ำ: ช่วยละลายตะกรันและคราบเกาะผิวกระเบื้องหรือผนังสระ

  • ทำความสะอาดหินอ่อนและกระเบื้อง: เหมาะสำหรับพื้นผิวที่ไม่สามารถใช้สารขัดหยาบได้ เนื่องจากอ๊อกซาลิกละลายคราบโดยไม่ทำลายผิว

ข้อควรระวัง: ต้องควบคุมความเข้มข้นและระยะเวลาสัมผัสผิววัสดุ เพื่อป้องกันความเสียหาย

5.2 อุตสาหกรรมสิ่งทอและฟอกหนัง

ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ อ๊อกซาลิกถูกใช้เป็นสารช่วยฟอก (Bleaching Agent) และสารทำความสะอาดเฉพาะจุด เนื่องจากสามารถขจัดคราบโลหะที่ฝังอยู่ในเส้นใยผ้าได้

การใช้งานทั่วไป:

  • ฟอกผ้าให้ขาว: ใช้ในกระบวนการซักฟอกเพื่อกำจัดคราบเหลืองหรือคราบสนิมที่ติดบนผ้า

  • ลบคราบหมึกหรือคราบโลหะ: โดยเฉพาะคราบที่เกิดจากน้ำที่มีความกระด้างสูง (มี Ca และ Mg มาก)

  • ปรับสภาพผิวหนังสัตว์: ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ใช้อ๊อกซาลิกปรับค่า pH และทำความสะอาดก่อนการฟอก

5.3 งานไม้และเฟอร์นิเจอร์

ในงานไม้อ๊อกซาลิกถูกใช้เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของเนื้อไม้ให้ดูใหม่และสะอาดขึ้น

การใช้งานทั่วไป:

  • ฟอกสีไม้: ทำให้สีไม้สว่างขึ้นโดยขจัดคราบหรือรอยด่างที่เกิดจากแสงแดดหรือความชื้น

  • ขจัดคราบดำจากปฏิกิริยาแทนนินกับโลหะ: ปัญหานี้มักพบในไม้โอ๊คหรือไม้ที่มีแทนนินสูง เมื่อสัมผัสกับตะปูหรือสกรูที่เกิดสนิม จะเกิดคราบดำ ซึ่งอ๊อกซาลิกสามารถขจัดได้

5.4 อุตสาหกรรมโลหะ

อ๊อกซาลิกมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเตรียมผิวโลหะและทำความสะอาดเครื่องจักร

การใช้งานทั่วไป:

  • เตรียมผิวโลหะก่อนการชุบหรือเชื่อม: ช่วยกำจัดคราบออกไซด์และไขมัน เพื่อให้การเคลือบหรือการเชื่อมติดแน่นขึ้น

  • ทำความสะอาดอุปกรณ์และแม่พิมพ์โลหะ: โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์เครื่องจักร

5.5 อุตสาหกรรมอาหาร

ในภาคอุตสาหกรรมอาหาร อ๊อกซาลิก (เฉพาะเกรดอาหาร) อาจใช้ในกระบวนการทำความสะอาดอุปกรณ์ผลิตอาหาร เช่น เครื่องต้ม, หม้อไอน้ำ, และท่อน้ำร้อน

การใช้งานทั่วไป:

  • ขจัดคราบหินปูนในหม้อต้มและท่อส่งน้ำ: ช่วยลดการสะสมของตะกรัน ทำให้เครื่องทำงานได้มีประสิทธิภาพ

  • ล้างคราบบนพื้นผิวสแตนเลส: เพื่อให้ดูสะอาดและปลอดเชื้อ

ข้อควรระวัง: ต้องใช้เกรดอาหารและควบคุมปริมาณอย่างเคร่งครัด เพราะการตกค้างของอ๊อกซาลิกในอาหารอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ


6. ข้อควรระวังในการใช้กรดอ๊อกซาลิก

แม้อ๊อกซาลิก(Oxalic Acid) จะมีประโยชน์หลากหลาย แต่ก็จัดเป็น สารเคมีอันตราย ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นพิษต่อร่างกาย หากใช้งานโดยไม่ระวังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นผู้ใช้งานต้องปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด


6.1 อันตรายต่อสุขภาพ

  1. พิษจากการรับประทาน (Oral Toxicity)

    • การกลืนอ๊อกซาลิกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารนี้ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง และในกรณีรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน

    • กลไกอันตรายเกิดจากการที่อ๊อกซาลิกจับตัวกับแคลเซียมในเลือด ทำให้ระดับแคลเซียมต่ำลง (Hypocalcemia)

  2. พิษจากการสูดดม (Inhalation Hazard)

    • การสูดดมฝุ่นหรือไอระเหยของอ๊อกซาลิก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูก คอ และปอด

    • อาการที่พบได้ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก

  3. ผลกระทบต่อผิวหนังและดวงตา (Skin & Eye Irritation)

    • การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้ผิวหนังไหม้ ระคายเคือง หรือเกิดแผลพุพอง

    • หากเข้าตา อาจทำให้ดวงตาแดง แสบร้อน และในกรณีรุนแรงอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว


6.2 อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment – PPE)

  • ถุงมือ: ควรใช้ถุงมือยางไนไตรล์ (Nitrile Gloves) หรือถุงมือยางบิวทิล เพื่อป้องกันการซึมผ่าน

  • แว่นตานิรภัย: ใช้แว่นป้องกันสารเคมี (Chemical Safety Goggles) เพื่อป้องกันการกระเด็นเข้าตา

  • หน้ากากป้องกันสารเคมี: ใช้หน้ากากที่มีไส้กรองสำหรับสารเคมีหรือฝุ่นละเอียด เพื่อป้องกันการสูดดม

  • เสื้อป้องกันสารเคมี: หากใช้งานในปริมาณมากหรือในอุตสาหกรรม ควรสวมเสื้อคลุมป้องกันสารเคมี (Chemical Resistant Apron)


6.3 การเก็บรักษา

  • เก็บในภาชนะที่ปิดสนิทและทนต่อการกัดกร่อน เช่น ภาชนะพลาสติก HDPE

  • หลีกเลี่ยงการเก็บในบริเวณที่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นจะทำให้สารจับน้ำและเสื่อมคุณภาพ

  • เก็บให้ห่างจากแหล่งความร้อน เปลวไฟ และสารออกซิไดซ์แรง

  • ควรเก็บในที่ที่มีการระบายอากาศดี และห่างจากมือเด็ก


6.4 การกำจัดของเสียอย่างปลอดภัย

  • ห้ามเทอ๊อกซาลิกหรือสารละลายที่มีกรดนี้ลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในน้ำ

  • ควรทำให้เป็นกลาง (Neutralization) ด้วยสารด่างอ่อน เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) ก่อนทิ้ง

  • ของเสียที่มีปริมาณมากควรส่งให้กับผู้รับกำจัดของเสียอันตรายที่ได้รับอนุญาต


6.5 แนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • หากสัมผัสผิวหนัง: ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากทันทีอย่างน้อย 15 นาที

  • หากเข้าตา: ล้างด้วยน้ำสะอาดต่อเนื่องอย่างน้อย 15 นาที และรีบพบแพทย์

  • หากสูดดม: เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังที่ที่มีอากาศถ่ายเท และให้การช่วยหายใจถ้าจำเป็น

  • หากกลืนกิน: ห้ามทำให้อาเจียน และรีบนำส่งแพทย์ทันที


สรุป

อ๊อกซาลิก (Oxalic Acid) เป็นสารเคมีอเนกประสงค์ที่มีบทบาทสำคัญในหลายภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรมและการใช้งานในชีวิตประจำวัน จุดเด่นของสารนี้อยู่ที่ ความสามารถในการละลายคราบโลหะออกไซด์ (สนิม), ขจัดคราบหินปูน, และ ฟอกสี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกนำไปใช้ในงานหลากหลาย เช่น

  • งานทำความสะอาด คราบสนิมบนโลหะและคราบน้ำในสระว่ายน้ำ

  • งานฟอกผ้าและสิ่งทอ เพื่อให้ผ้าขาวสะอาดและขจัดคราบฝังลึก

  • งานไม้และเฟอร์นิเจอร์ สำหรับฟอกสีไม้และลบรอยด่างจากปฏิกิริยาแทนนินกับโลหะ

  • งานโลหะ เพื่อเตรียมพื้นผิวก่อนการชุบหรือเชื่อม

นอกจากนี้ อ๊อกซาลิกยังมีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรมอาหารและงานเฉพาะด้านที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง แต่ต้องใช้เฉพาะเกรดอาหาร (Food Grade) และควบคุมปริมาณอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม ความเป็น กรดแรง และ พิษต่อร่างกาย ทำให้การใช้งานต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังสูงสุด ผู้ใช้งานควรสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ถุงมือ แว่นตานิรภัย และหน้ากากป้องกันสารเคมี รวมถึงเก็บรักษาในภาชนะที่ปิดสนิทและห่างจากความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพและลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

การใช้อ๊อกซาลิกอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ไม่เพียงช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังป้องกันอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย ดังนั้น การเรียนรู้คุณสมบัติ ข้อดี ข้อจำกัด และมาตรการความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้สารนี้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

 ติดต่อสั่งซื้อสินค้าเลือกซื้อ

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7