5 ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนซื้อขวดปรับปริมาตรสำหรับห้องแล็บ
ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์หรือห้องแล็บ การวัดปริมาตรของของเหลวอย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง “ขวด ปรับปริมาตร” หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Volumetric Flask จึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานที่ขาดไม่ได้ในการทำงานวิเคราะห์ทางเคมี ชีววิทยา และสาขาที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อขวด ปรับปริมาตรไม่ได้มีเพียงแค่ขนาดหรือราคาเท่านั้นที่ต้องพิจารณา แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติเชิงเทคนิคที่มีผลต่อความแม่นยำและความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจ 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนซื้อขวด ปรับปริมาตร เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับห้องแล็บของคุณ
ปัจจัยที่ 1: ความแม่นยำและระดับมาตรฐาน (Accuracy and Calibration)
ขวด ปรับปริมาตรต้องมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้
ขวด ปรับปริมาตรที่ดีควรผ่านการสอบเทียบมาตรฐาน เช่น:
-
ISO 1042
-
ASTM E288
-
DIN EN ISO
ระดับความแม่นยำของขวดมักถูกแบ่งเป็น Class A และ Class B โดย:
-
Class A มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับงานวิเคราะห์ที่ต้องการค่าปริมาตรที่แน่นอน
-
Class B มีความแม่นยำน้อยกว่า แต่ราคาย่อมเยา เหมาะกับงานทั่วไป
คำแนะนำ: ถ้าใช้งานในงานวิเคราะห์ที่ต้องการค่าที่แน่นอน เช่น การเตรียมสารละลายมาตรฐาน ควรเลือกขวด Class A เท่านั้น
ปัจจัยที่ 2: วัสดุของขวด (Material Type)
วัสดุที่ใช้มีผลต่อความทนทานและการใช้งาน
วัสดุยอดนิยมที่ใช้ทำขวด ปรับปริมาตร ได้แก่:
-
แก้วโบรอซิลิเกต (Borosilicate Glass)
-
ทนต่อสารเคมีและความร้อนได้ดี
-
ทนต่อแรงกระแทกได้พอสมควร
-
นิยมใช้ในงานวิจัยทางเคมีและชีววิทยา
-
-
พลาสติก (เช่น Polypropylene, PMP)
-
น้ำหนักเบา ทนทานต่อแรงกระแทก
-
บางรุ่นสามารถนึ่งฆ่าเชื้อได้
-
เหมาะสำหรับห้องแล็บที่มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์บ่อย
-
คำแนะนำ: หากใช้งานกับสารที่กัดกร่อนสูงหรือในสภาพอุณหภูมิร้อน-เย็น ควรเลือกขวดที่ทำจาก Borosilicate Glass
ปัจจัยที่ 3: ความจุและขนาด (Volume Capacity)
เลือกความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ขวดปรับปริมาตรมีหลายขนาด ตั้งแต่ 5 mL จนถึง 2000 mL
-
ขวดขนาดเล็ก (≤ 100 mL): ใช้สำหรับการทดลองที่ต้องการความแม่นยำสูง
-
ขวดขนาดกลาง (100–500 mL): เหมาะกับการเตรียมสารละลายมาตรฐาน
-
ขวดขนาดใหญ่ (> 500 mL): ใช้ในกระบวนการผลิตหรือเตรียมสารละลายจำนวนมาก
ข้อควรระวัง: อย่าใช้ขวดที่มีความจุมากเกินไปหากไม่จำเป็น เพราะจะลดความแม่นยำในการวัด
ปัจจัยที่ 4: ฝาปิดและระบบซีล (Stopper and Seal System)
ฝาปิดช่วยป้องกันการปนเปื้อนและระเหย
ขวดปรับปริมาตรมักมาพร้อมฝาปิดหลายประเภท เช่น:
-
ฝาแก้วขัด (Glass Stopper): ใช้ในงานที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง
-
ฝาพลาสติก (Plastic Screw Cap): ใช้งานง่าย เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
-
ฝาจุกยาง: ใช้สำหรับงานที่ไม่ต้องการซีลแน่นหนา
คำแนะนำ: หากต้องการเตรียมสารละลายแล้วเก็บไว้ใช้งานต่อ ควรเลือกขวดที่มีฝาซีลแน่นเพื่อป้องกันการระเหยและปนเปื้อน
ปัจจัยที่ 5: เครื่องหมายสเกลและการอ่านค่า (Graduation and Legibility)
การอ่านค่าง่าย ชัดเจน ลดความผิดพลาด
-
เครื่องหมายสเกลควรคมชัด ไม่หลุดลอกง่าย
-
สีของตัวเลขควรตัดกับสีของขวด (เช่น ตัวเลขสีขาวบนขวดแก้วใส)
-
ตรวจสอบว่าขวดมีเครื่องหมาย “In” หรือ “Ex” (In = เติมถึง, Ex = เทออก)
คำแนะนำ: สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ ควรเลือกขวดที่มีเครื่องหมายอ่านง่ายและมีคู่มือการใช้งาน
บทสรุป: เลือกขวดปรับปริมาตรที่ใช่ ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด
การเลือกซื้อ ขวดปรับปริมาตร ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดหรือราคาเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับความแม่นยำ ความปลอดภัย และความทนทานในการใช้งานจริง ด้วยการพิจารณาทั้ง 5 ปัจจัยที่กล่าวมา ได้แก่:
-
ความแม่นยำและมาตรฐานการสอบเทียบ
-
ประเภทของวัสดุที่ใช้ผลิต
-
ความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน
-
ระบบฝาปิดที่มีประสิทธิภาพ
-
ความชัดเจนของเครื่องหมายสเกล
การเลือกขวดที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานในห้องแล็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้
สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7

