เคมีอุตสาหกรรม: ความหมาย ประเภท การใช้งาน วิธีเลือกให้คุ้มและปลอดภัย

สรุปสั้นสำหรับผู้อ่านด่วน:
เคมีอุตสาหกรรมคือสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต สร้างคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ทำความสะอาด ปรับ pH จับตะกอน รักษาเสถียรภาพสินค้า ไปจนถึงเพิ่มความเงา/ความหนืด เลือกให้ถูก “เกรด–สเปก–ความปลอดภัย–ความต่อเนื่องซัพพลาย” คือหัวใจสำคัญ


เคมีอุตสาหกรรมคืออะไร?

นิยามสั้นๆ:
“เคมีอุตสาหกรรม” คือกลุ่มสารเคมีที่ถูกเลือกและควบคุมคุณภาพเพื่อนำไปใช้ ผลิต แปรรูป หรือปรับสภาพ วัตถุดิบ/สินค้า/สภาพแวดล้อมในการผลิต ตั้งแต่ระดับ ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ ครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องสำอาง สิ่งทอ ก่อสร้าง บำบัดน้ำ ยานยนต์ และทำความสะอาดภาคอุตสาหกรรม เป้าหมายหลักคือ ประสิทธิภาพ + ความสม่ำเสมอ + ต้นทุนรวมคุ้มค่า (TCO) + ความปลอดภัย

ทำไม “เคมีอุตสาหกรรม” จึงสำคัญ

  • สร้างคุณสมบัติสินค้า: เช่น ความเงา ความหนืด การกันน้ำ สี กลิ่น รส อายุการเก็บ

  • เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ: เร่งปฏิกิริยา ลดคราบ ลดพลังงาน/เวลา เพิ่มอัตราผลิต (throughput)

  • คุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ: ทำให้สินค้า “เหมือนเดิมทุกล็อต” ลดการเคลม/คืนสินค้า

  • ลดต้นทุนรวม (TCO): ไม่ใช่แค่ราคาต่อกิโล แต่รวม ค่าขนส่ง การสูญเสีย ของเสีย พลังงาน เวลา และค่ากำจัดของเสีย

    สูตรคิด TCO แบบย่อ: TCO = ราคาซื้อ + โลจิสติกส์ + สูญเสีย/ระเหย + ผลกระทบต่อประสิทธิภาพ + ค่าบำบัด/กำจัด

ขอบเขตการใช้งาน (ยกตัวอย่างที่พบจริง)

  • ปรับสภาพน้ำ/บำบัดน้ำ & สระว่ายน้ำ: คลอรีน/โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (ฆ่าเชื้อ), PAC/อะลัม (ตกตะกอน), โซดาแอช (เพิ่ม pH), กรดเกลือ (ลด pH), Algaecide (ควบคุมตะไคร่), Clarifier (เร่งใส)

  • อาหาร (Food Grade): กรดมะนาว (ปรับ pH/คีเลต), ฟอสเฟต, แคลเซียมคาร์บอเนต (เติมแคลเซียม/ฟิลเลอร์อาหาร) – เน้นความบริสุทธิ์และข้อกำกับ

  • เครื่องสำอาง/Personal Care: กลีเซอรีน/PG (ให้ความชุ่มชื้น), Sodium Alginate/Carbomer (เพิ่มความหนืด/เนื้อสัมผัส), สารกันเสียตามมาตรฐานความปลอดภัยผิว

  • สิ่งทอ: โซดาแอช (เตรียมผ้า/ปรับ pH), Sodium Alginate (พิมพ์ลาย/คุมหนืด), สารลดแรงตึงผิว (ชะล้าง)

  • ก่อสร้าง/ดิน–น้ำ: Bentonite (เช่น โซเดียมเบนโทไนท์) สำหรับซีล/กันซึม/ปรับเสถียรดิน

  • คาร์แคร์/ทำความสะอาดอุตสาหกรรม: LABSA/N70/F-24 (ทำความสะอาด/โฟม), Silicone Emulsion & Carnauba Wax (เพิ่มเงา/ลื่น/กันน้ำ), ดีสเกลเลอร์ (ล้างตะกรัน)

การจำแนกประเภทที่ควรรู้ (มองให้ตรงกับ “งาน”)

  1. ตามหน้าที่ (Function): ปรับ pH, ฆ่าเชื้อ, จับตะกอน/ฟล็อค, ลดแรงตึงผิว, เพิ่มความหนืด, กันสนิม/ตะกรัน, กันเสีย, ปรับเงา/สัมผัส ฯลฯ

  2. ตามโครงสร้างเคมี: กรด–ด่าง, เกลืออนินทรีย์, อินทรีย์/ตัวทำละลาย, โพลิเมอร์/เรซิน, สารช่วยกระบวนการ (processing aids)

  3. ตามเกรดการใช้งาน: Industrial / Food / Cosmetic / Pharma (ยิ่งใกล้ชิดอาหาร/ผิว/ยา → มาตรฐานเข้มขึ้น)

  4. ตามสภาพรูปแบบ: ผง, เม็ด, ของเหลว, อีมัลชัน, คอนเซนเทรต (ส่งผลต่อการผสม/ขนส่ง/เก็บรักษา)

อะไรคือ “สเปก” ของเคมีอุตสาหกรรม

  • ความบริสุทธิ์/Assay (%): เช่น Citric Acid ≥ 99.5%

  • สิ่งเจือปนจำกัด: โลหะหนัก ความชื้น เถ้า pH ของสารละลาย

  • คุณสมบัติกายภาพ: ขนาดอนุภาค ความหนืด ความหนาแน่น จุดเดือด/จุดหลอม

  • เสถียรภาพ/ความเข้ากันได้: ทน pH/อุณหภูมิ/แสง เข้ากับสารอื่นหรือไม่

  • บรรจุภัณฑ์/ลอต: ถุง 25kg, ถัง 200L, IBC – มี Lot No./วันผลิต/วันหมดอายุ ชัดเจน

ตรวจสอบด้วยเอกสาร COA (Certificate of Analysis) ของล็อตจริง และ SDS (Safety Data Sheet) ที่อัปเดต

กรอบตัดสินใจเลือกเคมี (ใช้งานได้จริง)

4R Framework:

  • Right Grade: เกรดตรงอุตสาหกรรม/กฎหมาย (เช่น Food/Cosmetic)

  • Right Spec: สเปกตรงสูตร/เครื่องจักร (เช่น pH/ความหนืด/ขนาดอนุภาค)

  • Right Dose: ขนาดใช้ต่ำสุดที่ได้ผล (ลด TCO/ลดของเสีย)

  • Right Handling: จัดเก็บ/ผสม/ขนส่งอย่างปลอดภัย (ลดสูญเสีย/อุบัติเหตุ)

ตัวชี้วัดความคุ้ม (KPI): คุณภาพสินค้า (QC pass rate), ความสม่ำเสมอล็อต, อัตราผลิต (throughput), ของเสีย/รีเวิร์ก, เวลาไซเคิล, ต้นทุนพลังงาน/แรงงาน, ค่าเสียโอกาสหยุดไลน์

ความปลอดภัยและกฎหมาย (หัวใจสำคัญ)

  • อ่าน SDS ทุกครั้งและติดฉลาก GHS ชัดเจน

  • ใช้ PPE ให้ถูกชนิด (แว่น/ถุงมือ/หน้ากาก/รองเท้านิรภัย)

  • จัดเก็บ แยกกรด–ด่าง–ตัวทำละลาย, ตั้งพาเลต, กันความร้อน/แสง/ความชื้น

  • เตรียมอุปกรณ์ ดูดซับรั่วไหล/ล้างตา และขั้นตอนฉุกเฉิน

  • กำจัดของเสียตามข้อกำหนดท้องถิ่น/ผู้รับกำจัดที่ได้รับอนุญาต

วงจรชีวิตของเคมีอุตสาหกรรม (Lifecycle)

  1. คัดเลือกซัพพลายเออร์ & สเปก

  2. ทดสอบระดับ Bench/Pilot → ปรับสูตร/โดส

  3. ขยายสู่การผลิตจริง (Scale-up)

  4. ควบคุมคุณภาพทุกล็อต (QC/QA + Retention Sample)

  5. ติดตามประสิทธิภาพ & ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)

  6. วางแผนสำรอง (Alternative/Multisource/Safety Stock) รองรับความผันผวนซัพพลาย

แนวโน้มสำคัญ

  • Green Chemistry & Low-VOC: ลดกลิ่น/การระเหย เป็นมิตรต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม

  • Concentrate & One-shot Additive: ลดพื้นที่เก็บ–ค่าขนส่ง–เวลาเตรียม

  • Data-driven QC: วัดผล–บันทึก–คาดการณ์ เพื่อลดของเสียและหยุดไลน์

  • Supply Resilience: เตรียมวัตถุดิบทดแทน/หลายแหล่ง เพื่อลดความเสี่ยงราคาผันผวน


สรุปให้จำง่าย:
เคมีอุตสาหกรรม = “สารเคมีที่ขับเคลื่อนคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิต”
เลือกให้ถูก เกรด–สเปก–โดส–การจัดการ, ตรวจเอกสาร COA/SDS, ทดสอบก่อนสเกลจริง และคิดแบบ TCO เสมอ เพื่อได้ ประสิทธิภาพสูงสุด ความสม่ำเสมอสูง ต้นทุนคุมได้ และปลอดภัย ✅

ถ้าต้องการ ผมต่อยอดให้เป็น บทความลูก รายผลิตภัณฑ์ (เช่น Citric Acid, PAC, Soda Ash, Sodium Alginate, Sodium Bentonite, N70/F-24, Silicone Emulsion, Carnauba Wax) พร้อมคีย์เวิร์ด เปรียบเทียบเกรด การใช้งาน และ CTA สำหรับสั่งซื้อ/ขอใบเสนอราคาได้ทันทีครับ.


ประเภทหลักของเคมีอุตสาหกรรม (ขยายรายละเอียด)

1) กรด–ด่าง (Acids & Alkalis)

ตัวอย่าง: HCl (กรดเกลือ), H₂SO₄ (กรดกำมะถัน), NaOH (โซดาไฟ), Soda Ash/Na₂CO₃
หน้าที่หลัก: ล้างคราบแร่/ตะกรัน, ปรับ pH, เปิดผิวโลหะ, สะสบู่คราบมัน (ฝั่งด่าง)

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • กรด: ละลายคราบหินปูน/ตะกรัน (CaCO₃), สนิม (Fe₂O₃) ได้เร็ว

    • ด่าง: สะลายคราบไขมัน/โปรตีนดีมาก, ปรับ pH น้ำ-กระบวนการได้คุ้มต้นทุน

  • การเลือกใช้

    • งานล้างตะกรัน: เริ่มจากกรดอ่อน (เช่นกรดมะนาว) ก่อนกรดแรง (HCl)

    • งานดีเกรสส์/ครัว/อุตสาหกรรมอาหาร: เลือกด่างที่มี food contact compliance หากจำเป็น

    • งานปรับ pH ระบบน้ำ/สระ: ใช้ Soda Ash (เพิ่ม pH) และกรดที่เหมาะ (ลด pH) ตามคู่มือระบบ

  • ความเข้ากันได้

    • หลีกเลี่ยงผสมกรดกับคลอรีน/ไฮโปคลอไรต์ → เกิดคลอรีนแก๊สอันตราย

    • ด่างเข้มข้นกัดอะลูมิเนียม/สังกะสี, กรดกัดโลหะเหล็ก-ปูน

  • ข้อควรระวัง

    • เติม “กรดลงในน้ำ” เสมอ (ไม่กลับกัน), ใช้ PPE ครบ (แว่น/ถุงมือ/หน้ากาก), ระบายอากาศดี


2) อนินทรีย์/เกลือ (Inorganics & Salts)

ตัวอย่าง: PAC (Poly-Aluminium Chloride), อะลัม (Al₂(SO₄)₃), NaOCl (โซเดียมไฮโปคลอไรต์), CaCO₃ (แคลเซียมคาร์บอเนต)
หน้าที่หลัก: จับตะกอน (coagulation/flocculation), ฆ่าเชื้อ, เติมแคลเซียม/ความกระด้าง, ปรับคุณภาพน้ำ

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • PAC/อะลัม: รวมตะกอนเล็กให้ตกเร็ว น้ำใสขึ้น ลดภาระกรอง

    • NaOCl: ฆ่าเชื้อรวดเร็ว ควบคุมตะไคร่/จุลินทรีย์ในน้ำ

    • CaCO₃: เติม Ca²⁺ ช่วยเสถียรภาพพื้นผิว, เป็นฟิลเลอร์/ปรับเนื้อในหลายอุตสาหกรรม

  • การเลือกใช้

    • น้ำขุ่น/สีสูง: เริ่มจาก PAC/อะลัม + ปรับ pH ให้เหมาะ (โดยทั่วไป ~6.5–7.5)

    • ระบบฆ่าเชื้อ: เลือก NaOCl ความเข้มข้นและเก็บรักษาถูกวิธี (ไวต่อแสง/ความร้อน)

    • งานฟิลเลอร์: เลือกขนาดอนุภาค CaCO₃ ตามงาน (ไมครอน/นาโน) และความขาว/ความชื้น

  • ความเข้ากันได้

    • ไฮโปคลอไรต์ไม่ถูกกับกรด/โลหะหนัก/แอมโมเนีย → เกิดแก๊สหรือคลอรามีน

  • ข้อควรระวัง

    • เก็บสารจับตะกอนให้พ้นชื้น, ไฮโปคลอไรต์ต้องใช้ภายในอายุ (decompose ง่าย)


3) อินทรีย์/ตัวทำละลาย (Organics & Solvents)

ตัวอย่าง: IPA (Isopropyl Alcohol), Ethanol, Acetone, Ethyl Acetate ฯลฯ
หน้าที่หลัก: ละลาย/ชะล้างคราบน้ำมัน/หมึก/เรซิน, ช่วยแห้งเร็ว, ใช้เป็นตัวพาในสูตร

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • ระเหยไว พื้นแห้งเร็ว ลดคราบน้ำมัน/ซิลิโคนบนชิ้นงาน

    • ปรับความหนืด-เวลาแห้งในสี/หมึก/กาวได้ยืดหยุ่น

  • การเลือกใช้

    • งานเช็ดทำความสะอาดทั่วไป: IPA เป็นตัวเลือกยอดนิยม (คุมกลิ่น/ความปลอดภัยง่ายกว่า)

    • งานสัมผัสอาหาร/เวชสำอาง: Ethanol เกรดเหมาะสม (ตรวจเอกสารกำกับ)

    • เลือกค่าโพลาริตี้/พลังละลายให้เหมาะเนื้อสารตั้งต้น

  • ความเข้ากันได้

    • ตัวทำละลายเชิงรุกอาจกัดยาง/พลาสติก/โพลีคาร์บอเนต → ทดสอบก่อน

  • ข้อควรระวัง

    • ไวไฟสูง ระบายอากาศดี หลีกเปลวไฟ/ไฟฟ้าสถิต, ใช้ภาชนะกันระเหย


4) สารลดแรงตึงผิว/ทำความสะอาด (Surfactants)

ตัวอย่าง: LABSA (แอนไอออนิก), SLES 70% / N70 (แอนไอออนิก), “F-24”* (กลุ่ม alkanolamide/สารเพิ่มโฟม-เสถียรโฟมที่นิยมในไทย)
หน้าที่หลัก: ชะล้าง คราบไขมัน/สิ่งสกปรก, สร้าง-เสถียรโฟม, ช่วยเปียกและกระจายตัว

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • LABSA: พลังชะล้างสูง คุ้มต้นทุน (มักต้องทำให้เป็นเกลือก่อนใช้งาน)

    • SLES/N70: ฟองดี ระคายต่ำกว่า, ใช้ในแชมพู/คาร์แคร์/น้ำยาล้าง

    • F-24*: ช่วยเพิ่มโฟม/ความหนืด/เสถียรโฟมในสูตรล้างรถ-ล้างจาน

  • การเลือกใช้

    • งานคราบหนัก/อุตสาหกรรม: LABSA + ตัวช่วยกันสนิม/กันหินปูนตามพื้นผิว

    • งานผิวสัมผัส/คาร์แคร์: SLES/N70 ร่วมกับสารเพิ่มโฟม (F-24*) และโพลิเมอร์ปรับหนืด

    • ระบบน้ำกระด้าง: เติมตัวคีเลต/บัฟเฟอร์เพื่อลดสบู่หิน

  • ความเข้ากันได้

    • ผสมแอนไอออนิกกับแคทไอออนิกโดยไม่ศึกษา อาจเกิดตกตะกอน/ลดประสิทธิภาพ

  • ข้อควรระวัง

    • บางชนิดระคายเคืองตา/ผิว ควรทดสอบ patch-test ในสินค้าส่วนบุคคล

*หมายเหตุ F-24: ในตลาดไทยมักใช้เรียก “สารเพิ่มโฟมกลุ่ม alkanolamide” (เช่น Cocamide DEA/MEA หรืออนุพันธ์) ใช้งานได้ดีในคาร์แคร์/ทำความสะอาด ควรตรวจข้อกำหนดการใช้ในเครื่องสำอาง/ผลิตภัณฑ์เฉพาะทางของคุณ


5) โพลิเมอร์/เรซิน & สารเพิ่มความหนืด

ตัวอย่าง: PAA (Polyacrylic Acid), CMC (Sodium Carboxymethyl Cellulose), Sodium Alginate
หน้าที่หลัก: ควบคุมความหนืด/ไหลตัว (rheology), ทำฟิล์ม/ยึดเกาะ, คุมการตกตะกอน, เสถียรภาพเนื้อผลิตภัณฑ์

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • PAA: ทำหน้าที่เป็นตัวหน่วงการเกิดหินปูน/กระด้าง, หนืด-เสถียรในระบบมีอิเล็กโทรไลต์

    • CMC: ให้เนื้อครีม/เจลนุ่ม ละลายน้ำได้ดี ใช้ในอาหาร/เครื่องสำอาง/สี

    • Alginate: ให้เจลกับ Ca²⁺ (crosslinking) เหมาะงานพิมพ์ลายสิ่งทอ/ตั้งรูป

  • การเลือกใช้

    • สูตรมีอิเล็กโทรไลต์สูง/น้ำกระด้าง: เลือก PAA หรือโพลิเมอร์ทนเกลือ

    • เนื้อสัมผัสนุ่ม/รับปาก: CMC/HEC กลุ่มเซลลูโลสอีเทอร์

    • ต้องการเจลสร้างโครง: Alginate (ทดสอบไอออน Ca²⁺ ในระบบ)

  • ความเข้ากันได้

    • PAA อาจจับกับไอออน Ca²⁺/Mg²⁺ → ปรับ pH-เกลือให้เหมาะ

    • Alginate ถูก crosslink โดย Ca²⁺ → ระวังเกิดเจลไม่ตั้งใจ

  • ข้อควรระวัง

    • เติมช้าๆ ขณะกวนแรงพอ เพื่อป้องกันเป็นก้อน (fish-eye), ควรไฮเดรตให้เต็มก่อนปรับ pH


6) สารปรับสภาพน้ำ/ป้องกันตะไคร่ (Water Conditioning & Algae Control)

ตัวอย่าง: Algaecide (Quat-based/Copper-based), Clarifier (Polymer cationic), Flocculant (PAM, PolyDADMAC, PAC)
หน้าที่หลัก: ควบคุมตะไคร่, รวมตะกอนให้ตกเร็ว, ทำน้ำใส ลดภาระกรอง

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • Algaecide: ป้องกัน/ยับยั้งตะไคร่ ลดการใช้คลอรีนหนักมือ

    • Clarifier/Floc: จับตะกอนละเอียด (colloid) ให้กรองออกง่าย น้ำใสเร็ว

  • การเลือกใช้

    • น้ำเริ่มเขียว/ตะไคร่บูม: Algaecide + ช็อกคลอรีน + ปรับ pH

    • น้ำขุ่นไม่มีสี/ฝุ่นแร่: Clarifier (โพลิเมอร์ประจุบวก) หรือ Floc + หยุดระบบให้ตกตะกอน

  • ความเข้ากันได้

    • โพลิเมอร์บวกไม่ถูกกับสารลดแรงตึงผิวแอนไอออนิกบางชนิด → ลดประสิทธิภาพ

  • ข้อควรระวัง

    • ปริมาณมากเกินไปทำให้น้ำขุ่นเป็นเจลใส (over-floc) ต้องไทเทรตปริมาณที่เหมาะสม


7) สารเติมแต่งเฉพาะทาง (Specialty Additives)

ตัวอย่าง: Preservatives (MIT/BIT/Phenoxyethanol ตามข้อกำหนด), Stabilizer, Anti-foam (ซิลิโคน/น้ำมัน), UV Absorber, Corrosion Inhibitor
หน้าที่หลัก: ยืดอายุผลิตภัณฑ์, คุมฟอง/เพิ่ม-ลดฟอง, กันแดด/กันเหลือง, กันสนิม, คงเสถียรภาพสี-กลิ่น-ความใส

  • จุดเด่น/ข้อดี

    • Anti-foam: ลดฟองในระบบหมุนเวียน/แทงก์/ไลน์บรรจุ

    • UV absorber: ปกป้องสี/พอลิเมอร์จากรังสี UV

    • Corrosion inhibitor: ลดการกัดกร่อนโลหะในการล้าง/ระบบน้ำ

  • การเลือกใช้

    • เลือกสารกันเสียตามกฎหมาย/ตลาดเป้าหมาย (อาหาร/เครื่องสำอาง/อุตสาหกรรม)

    • เลือก Anti-foam ให้เข้ากับเฟส (น้ำ/น้ำมัน/ซิลิโคน) และเงื่อนไขอุณหภูมิ-แรงเฉือน

  • ข้อควรระวัง

    • บางชนิดส่งผลต่อการยึดเกาะฟิล์ม/โฟม → ทดลองระดับ pilot ก่อนขึ้นจริง


8) กลุ่มตาม “เกรดการใช้งาน” (Industrial / Food / Cosmetic / Pharma)

แนวคิดหลัก: เกรดที่ต่างกัน = มาตรฐานความบริสุทธิ์-สิ่งเจือปน-เอกสารกำกับ ที่ต่างกัน

  • Industrial Grade: เหมาะงานทั่วไป/ทำความสะอาด/กระบวนการ ไม่เน้นสัมผัสอาหาร/ผิว

  • Food Grade: ตรงตามมาตรฐานอาหาร (สิ่งเจือปนโลหะหนัก/จุลินทรีย์ต่ำ, เอกสาร COA/ใบรับรอง)

  • Cosmetic Grade: ความบริสุทธิ์/สารก่อระคายลดลง, ทดสอบความปลอดภัยผิว, ตรงข้อกำหนด IFRA/กฎหมายท้องถิ่น

  • Pharma Grade: เข้มที่สุด (GMP/Pharmacopoeia), มี Traceability สูง, ต้นทุนสูงกว่า

สรุปวิธีเลือกเกรด: ให้ เลือกตาม “จุดสัมผัสสุดท้ายของผลิตภัณฑ์”

  • สัมผัสผิว/เยื่อบอบบาง → Cosmetic/Pharma

  • สัมผัสอาหาร/น้ำดื่ม → Food

  • ไม่สัมผัสผู้บริโภค/ใช้ในกระบวนการ → Industrial


ชีตลัด “เลือกให้ถูกตั้งแต่แรก”

  • เป้าหมายงานคืออะไร? (ล้างตะกรัน/ฆ่าเชื้อ/ทำความสะอาด/เพิ่มหนืด/ทำให้น้ำใส)

  • พื้นผิว/ระบบคืออะไร? (สแตนเลส, อะลูมิเนียม, ไม้, พลาสติก, ระบบสระ/RO/บอยเลอร์)

  • ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย/กฎหมาย? (Food/Cosmetic contact, VOC, กลิ่น, โลหะหนัก)

  • สภาวะกระบวนการ? (pH, อุณหภูมิ, เกลือ/ความกระด้าง, แรงเฉือน, เวลาแช่)

  • ความเข้ากันได้กับสารอื่น? (แอนไอออนิก-แคทไอออนิก, Ca²⁺ กับ Alginate/PAA, คลอรีนกับกรด)

  • ซัพพลาย/ต้นทุนรวม (TCO)? (ความเข้มข้น, บรรจุ, อายุเก็บ, lead time, ทางเลือกสำรอง)


ความปลอดภัย & เอกสารที่ควรมี

  • SDS ล่าสุด, COA ตามล็อตจริง, ฉลาก GHS, บันทึกทดสอบหน้างาน (pilot/bench)

  • PPE ครบ (ถุงมือ-แว่น-หน้ากาก/respirator ตามชนิดสาร), พื้นที่ระบายอากาศ

  • การเก็บแยก: กรด–ด่าง–ตัวทำละลาย, กันความชื้น/แสง/ความร้อน, มีถาดรอง (secondary containment)

  • แผนฉุกเฉิน: ชุดดูดซับสารหกรั่ว, สถานีล้างตา/ชำระล้าง


การใช้งานตามอุตสาหกรรมสำคัญ (ฉบับขยาย)

1) บำบัดน้ำ & สระว่ายน้ำ

เป้าหมาย: น้ำใส สะอาด ปลอดภัยต่อผิวและดวงตา เครื่องกรองทำงานมีประสิทธิภาพ

ฆ่าเชื้อ/ควบคุมคลอรีน: โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (NaOCl), คลอรีน

  • บทบาท: ฆ่าเชื้อโรค คุมตะไคร่ ลดกลิ่นอับ

  • ช่วงค่าที่แนะนำ (สระว่ายน้ำทั่วไป):

    • ฟรีคลอรีน (FC): 1.0–3.0 ppm

    • คลอรีนรวม (CC): < 0.5 ppm

    • ORP (หากใช้โพรบ): 650–750 mV

  • ทิป: หากใช้คลอรีนชนิดมี Stabilizer (CYA) ให้ควบคุม CYA ราว 30–50 ppm เพื่อสมดุลประสิทธิภาพคลอรีน

ตกตะกอน–ทำน้ำใส: PAC, อะลัม, โพลิเมอร์ฟล็อค

  • บทบาท: รวบรวมของแข็งขนาดจิ๋วให้กรองออกง่าย ลดความขุ่น (NTU)

  • แนวปฏิบัติ: ทำ jar test เลือกโดสที่เหมาะ (เริ่มต่ำ ค่อยๆไตระดับ) แล้วล้างกรอง/แบ็กวอชตามกำหนด

  • KPI: ความขุ่น (NTU) ลดลงอย่างชัดเจน แรงดันกรองไม่พุ่งเร็วผิดปกติ

ปรับ pH: Soda Ash เพิ่ม pH, กรดเกลือ (HCl) ลด pH

  • ช่วง pH ที่เหมาะ: 7.2–7.6 (เพิ่มประสิทธิภาพคลอรีนและความสบายผิว)

  • รวมถึง Total Alkalinity (TA): 80–120 ppm ช่วยกันแกว่ง pH

  • หมายเหตุ: ปริมาณที่ใช้ขึ้นกับ “ปริมาตรน้ำ + TA ปัจจุบัน” ให้ค่อยๆ ปรับและวัดซ้ำเสมอ

แก้คราบ/ตะกรัน/ตะไคร่: Algaecide, Descaler, Clarifier

  • ตะไคร่: เลือก Quat/Polyquat ตามประเภทสระ (ระวังคราบทองแดงหากเป็นชนิด Copper-based)

  • ตะกรัน: ใช้ Descaler กลุ่มกรดอินทรีย์/อนินทรีย์ตามความเหมาะสมของพื้นผิว (เซรามิก/ไวนิล/หิน)

  • Clarifier: เพิ่มความใสเร่งด่วนก่อนใช้งาน (เช่น ก่อนวันหยุดยาว)

ข้อควรระวังสำคัญ:

  • ห้ามผสม “กรด” กับ “คลอรีน” โดยตรงเด็ดขาด

  • อ่าน SDS และใช้อุปกรณ์ PPE (แว่น ถุงมือ หน้ากาก) ทุกครั้ง

  • บันทึกค่าคุมคุณภาพรายสัปดาห์: pH, FC/CC, TA, CH, CYA, TDS, ความดันกรอง


2) อาหาร (Food Grade)

เป้าหมาย: ความปลอดภัยตามกฎหมาย รสชาติคงที่ คุณภาพสม่ำเสมอ

ปรับรส/ปรับ pH/คีเลต: กรดมะนาว (Citric Acid)

  • บทบาท: ปรับรสเปรี้ยว คุม pH ให้เหมาะกับจุลินทรีย์เป้าหมาย ช่วยคีเลตโลหะ (ลดปฏิกิริยาออกซิเดชัน)

  • ใช้คู่ Sodium Citrate เป็น buffer system เพื่อคง pH ให้เสถียร

คงสภาพ/กันเสียตามกฎหมาย:

  • ตัวอย่างที่พบบ่อย: Potassium Sorbate, Sodium Benzoate (ประสิทธิภาพดีในสภาวะกรด)

  • หลักการ: เลือกชนิด + ปริมาณให้ “สอดคล้องข้อกำหนด” และ pH ของสูตร (เช่น เบนโซเอตทำงานเด่นที่ pH < 4.5)

  • ต้องมี: เอกสาร Food Grade, COA, และการติดฉลากสารเติมแต่งอาหารให้ถูกต้อง

สารช่วยกระบวนการ:

  • ฟอสเฟต (ช่วยอุ้มน้ำ/ปรับเนื้อในผลิตภัณฑ์เนื้อ)

  • แคลเซียมคาร์บอเนต (ปรับความเป็นกรด-ด่าง/เสริมแคลเซียม/ฟิลเลอร์)

  • แอนตี้เคกกิง ป้องกันจับตัวเป็นก้อน (เลือกชนิดที่อนุญาตในอาหาร)

KPI & แนวปฏิบัติ:

  • pH เป้าหมายตามสูตร, น้ำหนักสุทธิ/ความหนืด/สี/กลิ่น, Shelf-life ผ่านการทดสอบจุลินทรีย์

  • ทำ sensory test และ stability test ก่อนขึ้นไลน์จริง

  • ปฏิบัติตามประกาศ/กฎหมายท้องถิ่นและระบบคุณภาพ (เช่น GMP/HACCP)


3) เครื่องสำอาง & Personal Care

เป้าหมาย: ปลอดภัยต่อผิว เสถียรภาพดี สัมผัสดี และเป็นไปตามกฎหมายเครื่องสำอาง

ตัวทำละลาย/ให้ความชุ่มชื้น: Propylene Glycol (PG), Glycerin

  • บทบาท: Humectant ดึง/กักความชื้น, ตัวพา (solvent) ของสารสกัด

  • แนวคิด: กลุ่ม humectant blend (เช่น Glycerin + PG + PCA) ให้ความชุ่มชื้นยาวนานขึ้น

ทำเนื้อสัมผัส/ความหนืด: Sodium Alginate, Carbomer

  • Sodium Alginate: ให้เจลนุ่ม ลื่น ใช้ในโทนเนอร์/เจลใส/มาสก์

  • Carbomer: ให้เจลใสคม ต้อง neutralize (เช่น TEA/NaOH) เพื่อพัฒนาโครงสร้างเจล

  • ผสมผสาน Xanthan, CMC เพื่อปรับ yield value และความรู้สึกผิว

สารกันเสีย/ปรับ pH:

  • เลือกระบบกันเสียที่สอดคล้อง “ช่วง pH ของสูตร” และข้อกำหนดตลาดเป้าหมาย (เช่น EU/ASEAN)

  • ปรับ pH ผิวหน้าโดยทั่วไป 4.5–6.5 (สบู่แท่งอาจสูงกว่า แต่ต้องสื่อสารการใช้อย่างเหมาะสม)

การทดสอบที่ควรมี:

  • Stability (Heat–Cool, Centrifuge, Freeze–Thaw), Compatibility (บรรจุภัณฑ์)

  • Micro/Challenge Test เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพกันเสีย

  • HRIPT/Patch test (โดยผู้เชี่ยวชาญ) สำหรับสินค้าสัมผัสผิวบอบบาง

ข้อควรระวัง:

  • ใช้วัตถุดิบ Cosmetic Grade พร้อม MSDS/Specification

  • เลี่ยงน้ำหอม/สารก่อระคายเคืองในระดับสูงโดยไม่จำเป็น


4) สิ่งทอ & ย้อมผ้า

เป้าหมาย: สีติดทน สม่ำเสมอ ประหยัดน้ำ/พลังงาน ลดของเสีย

เตรียมผ้า/ซักล้าง: โซดาแอช, สารลดแรงตึงผิว (Wetting/Detergent)

  • บทบาท: ขจัดแป้ง/ไขมัน/สิ่งสกปรก เพิ่มการซึมของสี

  • เกณฑ์: คุมอัลคาไลน์ในช่วงเหมาะสมเพื่อเปิดผิวเส้นใย (โดยเฉพาะฝ้าย)

เพิ่มความหนืด/พิมพ์ลาย: Sodium Alginate

  • ให้ print paste ไหลตัวดี ไม่ซึมขอบลาย คมชัด ล้างออกง่าย

  • ปรับความหนืดให้เข้ากับหัวพิมพ์/วิธีการพิมพ์ (หน้ากว้าง/โรตารี/ดิจิทัล)

ปรับ pH/ยึดเกาะสี: เกลือ/ด่างเฉพาะงาน

  • ในระบบ Reactive Dye: เกลือช่วยนำย้อม, โซดาแอชช่วย fixation

  • ขั้นตอนล้าง–สบู่ (soaping) สำคัญมาก เพื่อลดสีหลุดและเพิ่ม wash fastness

KPI & แนวปฏิบัติ:

  • ความต่างสี ΔE, การซ้ำเฉด, Wash/Rub/Sweat Light Fastness

  • กำจัดสีตกค้างในน้ำทิ้งด้วย Coagulation/Flocculation ตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม


5) ทำความสะอาดอุตสาหกรรม/คาร์แคร์

เป้าหมาย: ขจัดคราบมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อพื้นผิว/ผู้ใช้ และสร้างภาพลักษณ์เงางาม

สูตรโฟมล้างรถ/ดีเทลลิ่ง: LABSA/N70 + สารเพิ่มเงา (Silicone Emulsion, Carnauba Wax)

  • สถาปัตยกรรมสูตร:

    • Surfactant system: ทำความสะอาดและโฟม

    • Chelant/Builder: คุมคราบน้ำกระด้าง

    • Polish/Gloss Aid: ซิลิโคน/คาร์นูบาเพิ่มเงาและการไหลตัวน้ำ

  • แนวคิด: pH-balanced เพื่อลดผลกระทบต่อแว็กซ์/ซีลแลนต์ที่เคลือบไว้

คราบหนัก/ไขมัน: ด่างเข้ม + ตัวทำละลายที่เหมาะสม

  • คราบน้ำมันเครื่อง/คราบเขม่า: ผสมระบบ Alkaline + Solvent + Emulsifier (เลือกตามพื้นผิว—อะลูมิเนียมต้องระวังกัดกร่อน)

  • ทดสอบจุดเล็กก่อนใช้งานจริงเสมอ

น้ำยาเฉพาะงาน: ดีสเกลเลอร์ ขจัดสนิม ตะกรัน

  • เลือกกรดตามพื้นผิวและความปลอดภัย (เช่น Phosphoric/Sulfamic อ่อนโยนต่อโลหะบางชนิดมากกว่า HCl)

  • ใช้ Corrosion Inhibitor เมื่อจำเป็น และ “ล้างน้ำ + ทำให้เป็นกลาง (neutralize)” หลังทำงานกรด

KPI & แนวปฏิบัติ:

  • เวลาในการออกฤทธิ์% คราบที่หลุดออก/ความเงา Gloss Unit ก่อน-หลัง

  • ความเข้ากันได้กับพื้นผิว (สีรถ, พลาสติก, อลูมิเนียม, ยาง)

  • PPE ครบ อ่าน SDS ก่อนใช้งาน


6) ก่อสร้าง & ปรับปรุงผิววัสดุ

เป้าหมาย: ความแข็งแรง เสถียรภาพ การกันซึม และอายุการใช้งานยาวนาน

สารเพิ่มคุณภาพคอนกรีต/กันซึม: โพลิเมอร์/ซิลิกา/สารยึดเกาะ

  • Plasticizer/Superplasticizer (เช่น PCE): ลดน้ำ เพิ่มกำลังอัด/การไหลตัว

  • Silica fume/ผงแร่เสริม: ลดรูพรุน เพิ่มทนสารเคมี

  • Latex/Polymer: เพิ่มการยึดเกาะ กันซึม และความเหนียว

การซีล/เสถียรภาพดิน: Bentonite (โซเดียมเบนโทไนท์)

  • คุณสมบัติ: บวมตัวสูง สร้าง Gel/Seal ลดการรั่วซึม (บ่อ/สระ/เขื่อนดิน/แนวกันซึม)

  • ปัจจัยสำคัญ: คุณภาพน้ำที่ใช้ (น้ำเค็มทำให้บวมลดลง), เวลาให้ hydrate เต็มที่, การบดอัดชั้นดิน

  • KPI: Swell Index, Marsh Viscosity, Filtration Loss, Permeability

KPI & แนวปฏิบัติ:

  • คอนกรีต: Slump, Strength @7/28 วัน, การซึมน้ำ/คลอไรด์

  • ระบบกันซึม: การรั่วซึม (L/m²·day), การยึดเกาะกับพื้นผิว

  • เอกสารเทคนิคของผู้ผลิต + site trial ก่อนใช้งานจริง


สรุปหลักคิด “เลือกสารให้คุ้มและปลอดภัย”

  1. เลือก เกรด ให้ถูกอุตสาหกรรม (Food/Cosmetic/Industrial)

  2. มี COA + SDS ของล็อตเดียวกับที่ส่งมอบ

  3. ทำ ทดสอบหน้างาน (Pilot/Jar/Site Trial) ก่อนขึ้นสเกลจริง

  4. บริหาร ซัพพลาย–สต็อก–ราคาต่อหน่วย vs ต้นทุนรวม (TCO)

  5. จัดการ ความปลอดภัย: PPE, แยกเก็บกรด–ด่าง–ตัวทำละลาย, ขั้นตอนรับมือเหตุฉุกเฉิน


ไอเดีย “บทความลูก (Cluster)” ที่ต่อยอดจากแต่ละหมวด

  • บำบัดน้ำ: “เช็กลิสต์คุมคุณภาพสระรายสัปดาห์”, “ทำไม pH 7.2–7.6 สำคัญต่อคลอรีน”

  • อาหาร: “Citric vs Sodium Citrate ต่างกันอย่างไร”, “เลือกสารกันเสียให้ตรง pH สูตร”

  • เครื่องสำอาง: “เจลใสไม่ตั้งตัว? แก้ยังไงเมื่อ Carbomer ไม่ขึ้นเนื้อ”, “คู่มือกันเสียตามช่วง pH”

  • สิ่งทอ: “Reactive Dye ต้องใช้โซดาแอชเท่าไร—เริ่มต้นอย่างปลอดภัย”, “เทคนิค soaping ให้สีทนซัก”

  • คาร์แคร์: “โฟมเยอะแปลว่าล้างสะอาดจริงไหม”, “เลือกกรดดีสเกลเลอร์ให้เหมาะกับโลหะ”

  • ก่อสร้าง: “โซเดียมเบนโทไนท์กับคุณภาพน้ำ—ทำไมสำคัญ”, “PCE ทำให้คอนกรีตแข็งแรงขึ้นได้อย่างไร”


วิธีเลือกสารเคมีให้ “ได้คุณภาพ–ปลอดภัย–คุ้ม”

1) เลือกเกรดให้ตรงงาน (Food / Cosmetic / Pharma / Industrial)

ดูอะไร: มาตรฐานและความบริสุทธิ์, วัตถุประสงค์การใช้, เอกสารรองรับ
ถามซัพพลายเออร์:

  • เกรดที่มี (เช่น Citric Acid มี Food grade และ Industrial grade)

  • มาตรฐาน/ใบรับรอง (เช่น GMP, ISO, Halal/Kosher สำหรับ Food/Cosmetic/Pharma)
    ตัวอย่าง:

  • Citric Acid: เลือก Food grade สำหรับอาหาร, Cosmetic grade สำหรับสกินแคร์, อย่าใช้เกรดอุตสาหกรรมกับอาหาร/ผิวหนัง


2) ดูสเปก/ความบริสุทธิ์/COA & SDS จากล็อตจริง

ดูอะไรใน COA (Certificate of Analysis):

  • Assay (% ความบริสุทธิ์/ปริมาณสารออกฤทธิ์)

  • ความชื้น/โลหะหนัก/ค่า pH (ตามสเปกของสารนั้น ๆ)

  • ผลทดสอบจุลินทรีย์ (สำหรับ Food/Cosmetic/Pharma)
    ดูอะไรใน SDS (Safety Data Sheet):

  • อันตราย, การปฐมพยาบาล, การจัดเก็บ, การขนส่ง, การกำจัด
    ทริค QC: ทดสอบยืนยันด้วยชุดทดสอบหน้างาน (เช่น การไตเตรต %NaOCl, วัด pH, ความหนืด, สี/กลิ่น)


3) บรรจุภัณฑ์ & Traceability

รูปแบบบรรจุ: ถุง 25 kg, ถัง 200 L, IBC 1,000 L
ฉลากที่ควรมี: ชื่อสาร, เกรด, Lot/Batch no., วันที่ผลิต/หมดอายุ, น้ำหนักสุทธิ, พิกiktogram GHS, ชื่อผู้ผลิต/ผู้นำเข้า
แนวปฏิบัติ:

  • ใช้ FEFO (First-Expire-First-Out) สำหรับสารที่มีอายุสั้น

  • แยกเก็บ กรด–ด่าง–ตัวทำละลาย คนละโซน, มีพาเลตกันชื้น, หลีกเลี่ยงแดด/ความร้อน


4) ซัพพลายต่อเนื่อง: Lead time, MOQ, TCO

คำถามสำคัญ:

  • Lead time ปกติ/ช่วงพีก, MOQ, เงื่อนไขเติมสต็อก, มีแผนรับมือกรณีขาดตลาดไหม
    คิดแบบ TCO (Total Cost of Ownership):

  • หาร “ต้นทุนต่อสารออกฤทธิ์” = ราคา / (%Active)

  • ตัวอย่าง: NaOCl 12% ราคา 20 บาท/กก. vs NaOCl 10% ราคา 18 บาท/กก.
    → ต่อสารออกฤทธิ์ 1%: 20/12 = 1.67 บาท < 18/10 = 1.80 บาท
    → 12% คุ้มกว่า แม้ราคาต่อกก. แพงกว่า


5) ความปลอดภัย & กฎหมาย

  • ป้าย GHS ครบ: สัญลักษณ์อันตราย/ข้อควรระวัง

  • PPE: แว่น/ถุงมือ/หน้ากาก ตามชนิดสาร (กรด–ด่าง–ตัวทำละลาย)

  • เอกสาร: SDS ล่าสุด, บันทึกการฝึกอบรมความปลอดภัย, แผนรับมือรั่วไหล

  • ขนส่ง/กำจัด: ปฏิบัติตามข้อกำหนดท้องถิ่น/ผู้รับกำจัดที่ได้รับอนุญาต


6) การทดแทน (Functional Equivalent)

เมื่อขาดตลาด/ราคาพุ่ง:

  • ขอ “สารทดแทนหน้าที่” (Functional Equivalent) พร้อม ผลทดสอบเทียบ

  • ตัวอย่างเชิงฟังก์ชัน:

    • ตกตะกอนน้ำ: PAC ↔ อะลัม (ประสิทธิภาพต่างกัน—ต้องทดสอบโดส)

    • คีเลต/ปรับ pH อ่อน: Citric Acid ↔ กรดแลคติก (ขึ้นกับงาน/รสชาติ/กลิ่น)

    • เพิ่มความหนืด: Sodium Alginate ↔ CMC/Carbomer (ขึ้นกับ pH/ระบบ)


7) ทดสอบหน้างาน (Bench/Pilot Test) ก่อนสเกลอัพ

ขั้นตอนแนะนำ:

  1. กำหนด KPI (เช่น ความใส, pH, ความหนืด, แรงตึงผิว, การยึดเกาะสี, ความเงา)

  2. ทำ Bench test ปริมาตรเล็ก (0.5–5 ลิตร/กก.) → เปรียบเทียบ 2–3 สูตร/ซัพพลายเออร์

  3. เลือก 1–2 สูตรที่ดีที่สุดไปทำ Pilot (1–5%) ของสเกลจริงในไลน์

  4. เก็บข้อมูลเสถียรภาพ (อุณหภูมิ/เวลา/การสั่นสะเทือน) 2–4 สัปดาห์

  5. ประเมินต้นทุนรวม + คุณภาพ + ความเสถียร + ความเสี่ยงซัพพลาย → คำสั่งซื้อจริง
    ฟอร์มสรุปผลทดลอง (สั้น ๆ): สูตร / ความเข้ากันได้ / ค่า KPI / ต้นทุนต่อ Active / หมายเหตุ


ขยายตามอุตสาหกรรม (ที่คุณระบุ)

2) อาหาร (Food Grade)

ใช้เพื่อ: ปรับรส/ปรับ pH/คีเลต/คงสภาพ

  • กรดมะนาว (Citric Acid): ปรับ pH, ให้รสเปรี้ยว, คีเลตโลหะ ลดปัญหาสีดำ/กลิ่นโลหะ

    • อัตราใช้งานโดยทั่วไป: 0.05–0.30% (ขึ้นกับสูตร/กฎหมายในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ)

  • คงสภาพ/กันเสีย: เลือกชนิด/ปริมาณ ตามกฎหมายอาหาร ที่ใช้กับหมวดสินค้านั้น ๆ เท่านั้น

  • สารช่วยกระบวนการ: ฟอสเฟต (ช่วยกักน้ำ/เนื้อสัมผัส), แคลเซียมคาร์บอเนต (เสริมแคลเซียม/ปรับเนื้อ)
    เอกสารที่ควรขอ: Food grade COA, Micro spec, Allergen, GMO statement, Halal/Kosher (ถ้าต้องใช้)
    ข้อควรระวัง: ปรับ pH/รสชาติให้สมดุล และตรวจฉลากให้สอดคล้องข้อกำหนด


3) เครื่องสำอาง & Personal Care

ใช้เพื่อ: ให้ความชุ่มชื้น, ทำเนื้อสัมผัส, รักษาเสถียรภาพ, ป้องกันการปนเปื้อน

  • ตัวทำละลาย/ให้ความชุ่มชื้น:

    • Glycerin: 2–5% ให้ความชุ่มชื้น

    • Propylene Glycol (PG): 3–10% ช่วยละลาย/ให้ความรู้สึกผิว

  • ทำเนื้อสัมผัส/หนืด:

    • Sodium Alginate: 0.2–1% ให้ความหนืด/ฟิล์มบาง

    • Carbomer: 0.1–0.5% (ต้องมีตัวปรับ pH/Neutralizer)

  • สารกันเสีย/ปรับ pH: เลือกระบบกันเสียที่ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และเข้ากันได้กับ pH สูตร (ส่วนมากสกินแคร์ pH ~5.0–6.0)
    ทดสอบที่ควรทำ: Stability (ร้อน/เย็น/แช่แข็ง-ละลาย), ความหนืด, pH, Micro challenge (ตามความเหมาะสม)


4) สิ่งทอ & ย้อมผ้า

เป้าหมาย: การซึม/ยึดเกาะสีดี, เฉดสีสม่ำเสมอ, ผ้ามีสัมผัสดี

  • เตรียมผ้า/ซักล้าง: โซดาแอช + สารลดแรงตึงผิว (ช่วยเปิดผิว/ขจัดไขมัน)

  • เพิ่มความหนืด/พิมพ์ลาย: Sodium Alginate ทำเป็นน้ำพิมพ์ (โดยทั่วไป 2–5% ของน้ำพิมพ์—เฉพาะงานพิมพ์ลาย)

  • ปรับ pH/ยึดเกาะสี: เกลือโซเดียมคลอไรด์หรือโซเดียมซัลเฟตสำหรับย้อมสีรีแอคทีฟ; โซดาแอช เพื่อคงสีย้อม
    ทดสอบที่ควรทำ: การซึมสีบนผ้า, การคงสี (ซัก/เหงื่อ/แสง), ความหนืดของน้ำย้อม, pH อ่างย้อม


5) ทำความสะอาดอุตสาหกรรม/คาร์แคร์

เป้าหมาย: ชะล้างดี, ปลอดภัยต่อพื้นผิว, เงางาม, ล้างออกง่าย

  • สูตรโฟมล้างรถ/ดีเทลลิ่ง:

    • ฐานทำความสะอาด: LABSA/SLES (เช่น N70), เติม Cocamidopropyl Betaine เพื่อเสถียรโฟม

    • เพิ่มเงา/ลื่น: Silicone Emulsion (0.5–2%), Carnauba Wax (0.1–0.5% ในอิมัลชัน)

    • คุม pH 6.5–8.5 เพื่อความปลอดภัยต่อเคลือบสี

  • คราบหนัก/ไขมัน: ด่างเข้มข้น + ตัวทำละลายที่เหมาะกับคราบ (ทดสอบบนจุดเล็กก่อนเสมอ)

  • น้ำยาเฉพาะงาน: ดีสเกลเลอร์ (Citric/HCl ตามพื้นผิว), ขจัดสนิม, ตะกรัน
    ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงกรดรุนแรงกับโลหะ/คอนกรีต, ใช้ PPE, ระบายอากาศ, ทดสอบพื้นผิวก่อนใช้งานจริง


6) ก่อสร้าง & ปรับปรุงผิววัสดุ

เป้าหมาย: ความแกร่ง/งานง่ายขึ้น/ลดการแตกร้าว/กันซึม

  • สารเพิ่มคุณภาพคอนกรีต/กันซึม: โพลิเมอร์ (เช่น SBR/PCE), ซิลิกาฟูม, สารยึดเกาะ

  • ซีล/เสถียรภาพดิน: Bentonite (โซเดียมเบนโทไนท์) ใช้ทำบ่อกันซึม, โคลนเจาะ, ซีลรอยรั่ว
    ทดสอบที่ควรทำ: Slump test (งานคอนกรีตสด), การซึมน้ำ, การยึดเกาะ, การหดตัว/แตกร้าว, การต้านซัลเฟต/คลอไรด์ (ถ้าเกี่ยวข้อง)

 

 

 

ติดต่อสั่งซื้อสินค้าเลือกซื้อ

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7