World Chemical Group

ทำไม “สารออกฤทธิ์” ถึงสำคัญในวงการเคมีเครื่องสำอาง

สารออกฤทธิ์ (Active Ingredient) คือหัวใจของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำหน้าที่ “ให้ผลลัพธ์กับผิวจริง” ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสีผิว หรือฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ซึ่งต่างจากสารพื้นฐานอย่างน้ำ หรือน้ำมัน ที่เป็นเพียงตัวพา (Base Ingredient)

ในตลาดปี 2025 แบรนด์เครื่องสำอางต่างแข่งขันกันด้าน “ความเข้มข้น + ความปลอดภัย + ความยั่งยืน” ทำให้การเลือก Active ที่มีงานวิจัยรองรับและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลายเป็นจุดตัดสินใจหลักของทั้งแบรนด์และผู้บริโภค

---

5 สารออกฤทธิ์ยอดนิยมในปี 2025 ที่แบรนด์ไทยต้องรู้

1. Niacinamide 10% – สารครอบจักรวาลที่ยังไม่ตกเทรนด์

Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ยังคงครองบัลลังก์สารออกฤทธิ์ยอดนิยมในปี 2025 เพราะให้ผลลัพธ์รอบด้าน
คุณสมบัติเด่น:

• ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน

• ลดจุดด่างดำและรอยแดง

• ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว

• ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับ

เคล็ดลับการใช้: ใช้ในความเข้มข้น 5–10% จะให้ผลดีที่สุดโดยไม่ระคายเคือง และสามารถผสมกับ Hyaluronic Acid หรือ Zinc PCA เพื่อเสริมการทำงาน

---

2. Bakuchiol – เรตินอลจากธรรมชาติที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้

สารสกัดจากพืช Psoralea corylifolia ตัวนี้ถูกขนานนามว่า “Natural Retinol” เพราะให้ผลใกล้เคียงเรตินอล แต่ไม่ทำให้ผิวลอกหรือไวต่อแสง
จุดเด่น:

• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

• ลดเลือนริ้วรอยและรอยดำ

• ช่วยให้ผิวเรียบเนียน

ข้อดีเหนือเรตินอล: ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น และเหมาะกับผิวแพ้ง่าย

คำแนะนำ: ใช้ในความเข้มข้น 0.5–2% และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับกรดแรง ๆ เช่น AHA/BHA

---

3. Tranexamic Acid – สารลดฝ้าแห่งยุคใหม่

เทรนด์ “anti-hyperpigmentation” ยังแรงต่อเนื่อง โดย Tranexamic Acid ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเด่นแทนวิตามินซีในหลายสูตร
คุณสมบัติ:

• ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน

• ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ

• ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

เคล็ดลับ: ใช้ควบคู่กับ Niacinamide หรือ Vitamin C derivative (เช่น Ethyl Ascorbic Acid) เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัด

---

4. Ceramide Complex – กุญแจสำคัญของผิวแข็งแรง

ในปี 2025 เทรนด์ “Skin Barrier Recovery” คือกระแสหลัก และ Ceramide คือส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ในครีมบำรุงทุกประเภท
หน้าที่หลัก:

• สร้างเกราะป้องกันผิว

• ป้องกันการสูญเสียน้ำ

• ลดการระคายเคืองจากมลภาวะ

ข้อควรระวัง: Ceramide ต้องทำงานร่วมกับ Cholesterol และ Fatty Acid ในสัดส่วนที่เหมาะสม (3:1:1) เพื่อให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างสมดุล

---

5. Hyaluronic Acid Multi-Molecular – ความชุ่มชื้นแบบหลายระดับผิว

Hyaluronic Acid แบบโมเลกุลผสม (Low, Medium, High) เป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะให้ความชุ่มชื้นได้ทั้งผิวชั้นในและชั้นนอก
จุดเด่น:

• ช่วยให้ผิวนุ่ม อิ่มน้ำ

• เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

• ทำงานร่วมกับสารอื่นได้ดี เช่น Vitamin C, Peptide

เคล็ดลับ: เลือกสูตรที่มี “Sodium Hyaluronate Crosspolymer” เพื่อคงความชุ่มชื้นยาวนานกว่าแบบทั่วไป

---

วิธีเลือกสารออกฤทธิ์ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ

---

ข้อควรระวังและความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

• “ยิ่งใส่สารออกฤทธิ์เยอะ ยิ่งดี” → ไม่จริง เพราะบางตัวจะตีกัน เช่น Vitamin C + Niacinamide ในสูตรเดียว

• “สารสังเคราะห์ไม่ดีเท่าสารธรรมชาติ” → ผิดบางส่วน เพราะ Active สังเคราะห์หลายชนิดมีความเสถียรและให้ผลเร็วกว่า

• “Bakuchiol ใช้แทน Retinol ได้ 100%” → ไม่จริงทั้งหมด Bakuchiol อ่อนโยนกว่า แต่ให้ผลช้ากว่า

---

บทสรุป: เทรนด์ Active ปี 2025 คือโอกาสของแบรนด์ไทย

ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจส่วนผสมมากขึ้น การเลือก สารออกฤทธิ์ที่มีคุณภาพและมีข้อมูลวิทยาศาสตร์รองรับ คือกุญแจสำคัญของความเชื่อมั่นในแบรนด์ หากคุณเป็นผู้ผลิตหรือร้านจำหน่ายวัตถุดิบเครื่องสำอาง นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการอัปเดตไลน์สินค้าให้ทันตลาด

พร้อมพัฒนาสูตรใหม่หรือหาวัตถุดิบคุณภาพสูงใช่ไหม?
ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีเครื่องสำอางของคุณได้เลยวันนี้ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง

 

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7