🏭 เคมีภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องจักรอุตสาหกรรม: ประเภท คุณสมบัติ และการเลือกใช้ให้ถูกวิธี

ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 เครื่องจักรถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการผลิต การมีเครื่องจักรที่สะอาด ปราศจากคราบน้ำมัน คราบจาระบี และสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ นอกจากช่วยให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการสึกหรอ ลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้อย่างมาก

หนึ่งในวิธีการดูแลเครื่องจักรที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกใช้เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องจักรอุตสาหกรรมให้เหมาะสม ทั้งชนิด วิธีใช้ และความปลอดภัย

บทความนี้จะอธิบายแบบครบถ้วน ทั้ง

  • ชนิดของเคมีทำความสะอาด

  • คุณสมบัติ ข้อดี–ข้อควรระวัง

  • วิธีเลือกใช้ให้ถูกประเภท

  • แนวทางการเก็บรักษาอย่างปลอดภัย

เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการบำรุงรักษาเครื่องจักรในไลน์การผลิต

🧪 1. เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องจักรคืออะไร?

เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องจักร (Industrial Cleaning Chemicals)
คือสารเคมีที่ถูกออกแบบมาเพื่อขจัดคราบสกปรกที่เครื่องจักรเผชิญทุกวัน เช่น

  • คราบน้ำมัน

  • คราบจาระบี

  • คราบสนิม

  • ตะกรันและหินปูน

  • คราบฝุ่นโลหะ

  • สิ่งปนเปื้อนจากกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม

สารเหล่านี้จะมีความเข้มข้นและประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป และถูกออกแบบมาให้สามารถ:

  • ละลายคราบหนักที่ติดแน่น

  • ลดแรงตึงผิว ทำให้คราบหลุดออกง่ายขึ้น

  • ยับยั้งหรือช่วยลดการกัดกร่อนของโลหะ

  • ทำงานได้ดีแม้ในสภาวะอุณหภูมิสูง

  • ใช้งานร่วมกับวัสดุเครื่องจักรได้อย่างปลอดภัย (เมื่อใช้ถูกวิธี)


⚙️ 2. ทำไมโรงงานต้องใช้เคมีทำความสะอาดเครื่องจักร?

เครื่องจักรเป็นหัวใจหลักของแทบทุกโรงงานอุตสาหกรรม หากปล่อยให้เกิดคราบสกปรกสะสมโดยไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม อาจทำให้:

  • เครื่องจักรทำงานหนักขึ้น สูญเสียประสิทธิภาพ

  • สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าปกติ

  • เกิดความร้อนสูงผิดปกติในระหว่างการทำงาน

  • เสี่ยงต่อการขัดข้อง หยุดไลน์ผลิต หรือเครื่องหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด

  • คุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสเกิดของเสีย (Defect) สูงขึ้น

  • ต้นทุนการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นในระยะยาว

ในทางกลับกัน หากเลือกใช้เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม จะช่วยให้โรงงาน:

  • ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร

  • ลด Downtime ของไลน์การผลิต

  • เพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพของการผลิต

  • ลดค่าใช้จ่ายด้านซ่อมบำรุงในระยะยาว

  • เพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานใกล้เครื่องจักร


🧼 3. ประเภทของเคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเครื่องจักร

ด้านล่างคือประเภทหลักของเคมีภัณฑ์ที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมตัวอย่างการใช้งาน

3.1 สารละลายด่าง (Alkaline Cleaners)

เหมาะสำหรับขจัดคราบ:

  • ไขมัน

  • น้ำมัน

  • จาระบี

  • คราบอินทรีย์ต่าง ๆ

ตัวอย่างสารที่ใช้บ่อย:

  • โซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium Hydroxide, NaOH)

  • โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (Potassium Hydroxide, KOH)

  • Sodium Metasilicate

  • N70 / NP-9 (สารลดแรงตึงผิว ใช้ร่วมในสูตรล้างคราบไขมัน)

อุตสาหกรรมที่ใช้งานบ่อย:
โรงงานอาหาร เครื่องจักรโลหะ โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และไลน์ล้างชิ้นงานก่อนการชุบหรืองานเคลือบผิว


3.2 สารกรด (Acid Cleaners)

ใช้สำหรับละลายคราบอนินทรีย์ เช่น:

  • คราบตะกรัน

  • สนิมเหล็ก

  • คราบหินปูน

  • คราบเกลือแร่ตกค้าง

ตัวอย่างสาร:

  • กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric Acid, HCl)

  • กรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid, H₃PO₄)

  • กรดซิตริก (Citric Acid)

  • กรดออกซาลิก (Oxalic Acid)

อุตสาหกรรมที่เหมาะสม:
หม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ระบบชิลเลอร์ ระบบท่อน้ำ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) และระบบน้ำในโรงงาน


3.3 สารทำความสะอาดสูตรตัวทำละลาย (Solvent Cleaners)

เหมาะสำหรับคราบที่ไม่ละลายในน้ำ เช่น:

  • คราบน้ำมันหนัก

  • จาระบีเหนียวมาก

  • คราบน้ำมันเครื่อง

  • คราบรีซินหรือสารเคลือบบางชนิด

ตัวอย่างสาร:

  • IPA (Isopropyl Alcohol)

  • Mineral Spirits

  • Acetone

  • Degreaser ชนิด Solvent Base

งานที่พบได้บ่อย:
การทำความสะอาดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ งานแม่พิมพ์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และงานประกอบยานยนต์


3.4 สารกำจัดจุลินทรีย์และสารฆ่าเชื้อ (Biocides / Disinfectants)

ใช้กับเครื่องจักรหรือระบบที่เกี่ยวข้องกับ:

  • อาหาร

  • เครื่องดื่ม

  • ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความสะอาดด้านจุลชีววิทยา

ตัวอย่างสารที่นิยมใช้:

  • Hydrogen Peroxide

  • Chlorine

  • Quaternary Ammonium Compounds (QAC)

  • Peracetic Acid

เหมาะกับไลน์ผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมที่ต้องควบคุมเชื้อโรคอย่างเข้มงวด


3.5 สารป้องกันและยับยั้งการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitors)

ใช้เพื่อช่วยปกป้องโลหะระหว่างการล้าง ไม่ให้ถูกกรดหรือด่างกัดกร่อนมากเกินไป มักใช้ร่วมกับน้ำยาล้างประเภทกรดหรือด่าง

ตัวอย่างสาร:

  • Sodium Nitrite

  • Sodium Benzoate

  • Molybdate-based Inhibitors

ช่วยยืดอายุการใช้งานของท่อ โลหะ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน และชิ้นส่วนโลหะในระบบ


🔍 4. คุณสมบัติเด่นของเคมีทำความสะอาดแต่ละชนิด

ตารางด้านล่างสรุปภาพรวมของเคมีแต่ละประเภทให้เข้าใจง่าย:

ประเภทเคมี จุดเด่นหลัก เหมาะสำหรับงานประเภท
สารด่าง (Alkaline) ขจัดคราบไขมัน/จาระบีได้ดีมาก เครื่องจักรทั่วไป, อุตสาหกรรมอาหาร
สารกรด (Acid) ละลายตะกรันและสนิมได้มีประสิทธิภาพ ระบบน้ำ, Boiler, ชิลเลอร์
Solvent ละลายน้ำมันหนัก/คราบเหนียว ยานยนต์, ชิ้นส่วนโลหะ, แม่พิมพ์
สารฆ่าเชื้อ ลดเชื้อจุลินทรีย์ ปลอดภัยด้านสุขอนามัย เครื่องจักรในโรงงานอาหาร/เครื่องดื่ม
Inhibitor ป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ ใช้ร่วมกับกรด/ด่างในระบบล้าง

🧲 5. วิธีเลือกเคมีภัณฑ์ให้เหมาะกับเครื่องจักร

ก่อนตัดสินใจเลือกใช้เคมีภัณฑ์ ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้

✔ 1) ประเภทของคราบสกปรก

  • คราบไขมัน / น้ำมัน / จาระบี → ใช้ สารด่าง + สารลดแรงตึงผิว

  • คราบสนิม / ตะกรัน / หินปูน → ใช้ สารกรดที่เหมาะสม

  • คราบน้ำมันหนัก / คราบไม่ละลายน้ำ → ใช้ Solvent หรือ Degreaser สูตรเข้มข้น


✔ 2) วัสดุของเครื่องจักร

  • สแตนเลส / เหล็ก / อลูมิเนียม / ทองเหลือง
    ควรเลือกเคมีที่ ไม่กัดกร่อนวัสดุ หรือมีสาร Inhibitor ผสมอยู่ และศึกษาคู่มือจากผู้ผลิตให้ชัดเจน


✔ 3) อุณหภูมิการใช้งาน

บางชนิดทำความสะอาดได้ดีขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น เช่น สารด่างบางประเภท แต่ต้องอยู่ในช่วงที่เครื่องจักรรับได้และปลอดภัย


✔ 4) ระบบทำความสะอาด: CIP หรือ Manual Cleaning

  • โรงงานอาหารมักใช้ระบบ CIP (Clean-In-Place) ร่วมกับน้ำยาล้างและน้ำยาฆ่าเชื้อ Food Grade

  • งานทั่วไปอาจเป็นแบบ Manual Cleaning เช่น แช่ พ่น หรือเช็ด


✔ 5) มาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ยา หรือสินค้าเพื่อสุขภาพ ควรเลือกเคมีที่รองรับมาตรฐาน เช่น:

  • FDA

  • HACCP

  • GMP

  • ROHS


✔ 6) ความปลอดภัยต่อพนักงาน

เลือกสารเคมีที่:

  • มีค่า VOC ต่ำ เพื่อลดกลิ่นและการระคายเคือง

  • มีเอกสาร SDS / MSDS ชัดเจน

  • สามารถจัดการได้ง่ายในสภาพแวดล้อมโรงงาน


🛠️ 6. ขั้นตอนการทำความสะอาดเครื่องจักรอย่างปลอดภัย

เพื่อให้ได้ทั้งความสะอาดและความปลอดภัย ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

1) เตรียมพื้นที่

  • ปิดแหล่งจ่ายไฟของเครื่องจักร

  • ติดป้ายเตือน (Tag / Lockout) ไม่ให้ผู้อื่นมาสั่งงานเครื่องโดยไม่ตั้งใจ

  • ใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น แว่นตา ถุงมือ หน้ากาก หรือชุดป้องกันสารเคมี


2) ประเมินสภาพคราบสกปรก

  • ตรวจสอบชนิดของคราบ

  • ถ่ายภาพก่อนทำความสะอาดเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ภายหลัง


3) เลือกสารเคมีให้ตรงกับประเภทคราบและวัสดุ

อ้างอิงจาก:

  • แผ่นข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (MSDS / SDS)

  • คำแนะนำจากผู้ผลิตเครื่องจักรหรือผู้จำหน่ายเคมีภัณฑ์


4) ผสมน้ำยาให้ได้อัตราส่วนที่เหมาะสม

ตัวอย่างอัตราส่วนที่พบบ่อย:

  • Degreaser 5–10% ในน้ำ

  • กรดฟอสฟอริก 5–15% สำหรับล้างตะกรัน

  • IPA 70% สำหรับงานอิเล็กทรอนิกส์และทำความสะอาดแผงวงจร


5) เลือกวิธีการล้างที่เหมาะสม

  • แช่ (Soaking)

  • พ่น (Spraying)

  • เช็ด (Wiping)

  • ระบบ CIP (Clean-In-Place)

  • ระบบโฟม (Foam Cleaning) สำหรับงานพื้นผิวขนาดใหญ่


6) ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เพื่อลดการตกค้างของสารเคมี และป้องกันการกัดกร่อนหรือการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต


7) ทำให้แห้งสนิท

  • ใช้ลมอัด (Compressed Air)

  • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ด

  • ใช้เตาอบลมร้อนในบางกรณี


⚠️ 7. ข้อควรระวังในการใช้เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม

  • ห้ามผสมกรดกับด่าง เพราะอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงหรือเกิดความร้อนสูง

  • ห้ามใช้ Solvent ในพื้นที่ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ อาจเสี่ยงต่อการสูดดมไอระเหยเกินมาตรฐาน

  • หลีกเลี่ยงการใช้กรดรุนแรงโดยตรงกับอะลูมิเนียมหรือโลหะที่ไวต่อการกัดกร่อน

  • พื้นที่ที่มีประกายไฟหรือความเสี่ยงระเบิด ควรเลือกสารที่มีค่า VOC ต่ำ และเป็นชนิดไม่ติดไฟ

  • ปฏิบัติตาม SDS ทุกครั้ง ทั้งในด้านการผสม การใช้งาน การจัดเก็บ และการกำจัดของเสีย

  • ควรมีอุปกรณ์ล้างตาฉุกเฉินและฝักบัวล้างสารเคมีในพื้นที่ที่ใช้สารที่มีความเป็นกรด–ด่างสูง


📦 8. การจัดเก็บและขนส่งเคมีภัณฑ์

เพื่อให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ควรปฏิบัติดังนี้

  • เก็บให้ห่างจากแหล่งความร้อนและแสงแดดโดยตรง

  • แยกจัดเก็บสารกรดและสารด่างคนละโซนอย่างชัดเจน

  • วางถังหรือแกลลอนบนพาเลท ไม่วางสัมผัสพื้นโดยตรง เพื่อลดความเสียหายจากความชื้นหรือการกระแทก

  • ติดป้ายตามมาตรฐาน GHS แสดงสัญลักษณ์อันตราย ประเภทสาร และคำเตือนชัดเจน

  • ขนส่งด้วยรถที่มีจุดยึดถัง ป้องกันการล้ม แตก หรือรั่วไหลระหว่างการขนส่ง


🏭 9. การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

9.1 โรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

  • ใช้ สารด่าง สำหรับล้างคราบไขมันจากน้ำมันพืชและไขมันจากวัตถุดิบ

  • ใช้ สารฆ่าเชื้อ เช่น Peracetic Acid หรือ Hydrogen Peroxide ในขั้นตอนฆ่าเชื้อ

  • นิยมใช้ระบบ CIP สำหรับถังหมัก ท่อส่ง และถังผสม เพื่อให้ล้างได้โดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วน


9.2 อุตสาหกรรมโลหะและยานยนต์

  • ใช้ Degreaser เข้มข้น สำหรับล้างคราบน้ำมันและจาระบีออกจากชิ้นส่วนก่อนการพ่นสีหรือชุบ

  • ใช้ กรดฟอสฟอริก สำหรับขจัดสนิมและเตรียมผิวโลหะก่อนการเคลือบ

  • ใช้ Solvent Cleaners ทำความสะอาดแม่พิมพ์และชิ้นงานที่มีคราบน้ำมันหนัก


9.3 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

  • ใช้ IPA 99% ทำความสะอาดแผงวงจร (PCB) และหน้าสัมผัสต่าง ๆ

  • ใช้สารทำความสะอาดที่ออกแบบมาเพื่อ ลดไฟฟ้าสถิต (ESD Cleaners)

  • หลีกเลี่ยงสารที่มี VOC สูงเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพพนักงานในพื้นที่ปิด


9.4 โรงไฟฟ้าและระบบแลกเปลี่ยนความร้อน

  • ใช้ สารกรดล้างตะกรัน ภายใน Boiler และท่อแลกเปลี่ยนความร้อน

  • ใช้ Inhibitor ร่วมเพื่อลดการกัดกร่อนของโลหะ

  • ใช้ Degreaser สำหรับล้างปั๊มน้ำ มอเตอร์ และพื้นที่รอบเครื่องจักรที่มีคราบน้ำมัน


🧾 10. สรุป: เคมีทำความสะอาดที่เหมาะสม = ประสิทธิภาพโรงงานเพิ่มขึ้น

การเลือกใช้เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องจักรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ไม่ได้ช่วยเพียงแค่ให้เครื่องจักรสะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้โรงงาน:

  • ลดต้นทุนการซ่อมบำรุงระยะยาว

  • ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในระบบ

  • เพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพของการผลิต

  • ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้พนักงาน

  • ส่งเสริมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด

หากโรงงานของคุณต้องการคำแนะนำในการเลือกเคมี ภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทเครื่องจักร กระบวนการผลิต และมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้อ้างอิง สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอุตสาหกรรม หรือซัพพลายเออร์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ทั้ง ความสะอาด ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด สำหรับระบบการผลิตของคุณ

 ติดต่อสั่งซื้อสินค้าPremium Car Care Set (น้ำยาเคลือบเงารถ, น้ำยาเคลือบเงาเบาะ, ทาล้อดำ Super Black)

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมี ภัณฑ์ เคมี ภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7