จานเพาะเชื้อ(แก้ว) นิยมใช้ในงานแบบไหน ?
จานเพาะเชื้อ(แก้ว) หรือที่หลายคนเรียกว่า Glass Petri Dish คือภาชนะสำหรับเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ เห็ดรา แบคทีเรีย รวมถึงใช้สังเกตปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ ภายในห้องปฏิบัติการ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่พบได้ในทุกแล็บ ไม่ว่าจะเป็นแล็บการแพทย์ แล็บการศึกษา ไปจนถึงแล็บอุตสาหกรรมอาหาร เพราะจานแก้วมีคุณสมบัติต้านทานการปนเปื้อนดี ใช้ซ้ำได้ และทนความร้อนสูง เหมาะกับงานทดลองที่ต้องการความแม่นยำสูง
จานเพาะเชื้อ(แก้ว) คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญในงานแลป
จานเพาะเชื้อแบบแก้ว ผลิตจากแก้วโบโรซิลิเกตคุณภาพสูง มีลักษณะเป็นจานตื้น ๆ พร้อมฝาปิดทรงโดม ใช้คู่กับอาหารเลี้ยงเชื้อ (Agar) เพื่อสังเกตการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์อย่างชัดเจน
คุณสมบัติเด่นของจานเพาะเชื้อ(แก้ว):
-
ทนความร้อนสูง ฆ่าเชื้อด้วย Autoclave ได้
-
ผิวเรียบใส ทำให้สังเกตผลได้ชัดเจน
-
ลดปัญหาการบิดงอแบบที่เกิดในจานพลาสติก
-
ใช้ซ้ำได้ ช่วยประหยัดต้นทุน
-
ไม่ปล่อยสารปนเปื้อนลงในตัวอย่าง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม งานทดลองระดับมืออาชีพ มักเลือกใช้จานเพาะเชื้อแบบแก้วมากกว่าพลาสติกในหลายกรณี
จานเพาะเชื้อ(แก้ว) นิยมใช้ในงานแบบไหน?
ด้านล่างนี้คือประเภทงานที่นิยมใช้ จานเพาะเชื้อ(แก้ว) มากที่สุด
1. งานเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ (Microbiology)
เป็นงานหลักที่ใช้จานเพาะเชื้อแทบทุกกระบวนการ เช่น
-
เพาะเลี้ยงแบคทีเรีย
-
เพาะเลี้ยงรา / ยีสต์
-
การตรวจสอบการปนเปื้อน
-
การเตรียมสไลด์จุลินทรีย์
-
การคัดแยกโคโลนีจุลินทรีย์
งานนี้ต้องการความแม่นยำสูง และต้องใช้ภาชนะที่ไม่ปนเปื้อนง่าย จานเพาะเชื้อแบบแก้วจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด
2. งานทดสอบในห้องปฏิบัติการอาหาร (Food Laboratory)
โรงงานอาหาร มักใช้ จานเพาะเชื้อ(แก้ว) สำหรับ:
-
ตรวจหาเชื้อก่อโรคในอาหาร
-
ตรวจมาตรฐานความสะอาดสายการผลิต
-
ทดสอบคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้ในโรงงาน
จานแก้วให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า เพราะผิวเรียบกว่า ไม่ดูดซับอาหารเลี้ยงเชื้อเหมือนจานพลาสติกบางชนิด
3. งานวิจัยด้านชีววิทยาและการแพทย์
ใช้ในงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น:
-
การสังเกตการเติบโตของเซลล์
-
การแยกชนิดของแบคทีเรีย
-
การทำ Sensitivity test
-
การทดลองด้านต่อมไร้ท่อ / ฮอร์โมน
เนื่องจากจานแก้วทนความร้อนและสารเคมีได้ดี จึงเหมาะกับงานที่มีขั้นตอนฆ่าเชื้อหลายรอบ
4. งานตรวจคุณภาพน้ำ (Water Analysis)
ใช้ในการเพาะเชื้อเพื่อวัดคุณภาพน้ำ เช่น:
-
การตรวจปริมาณโคลิฟอร์ม
-
การตรวจเชื้อ E.coli
-
การตรวจคุณภาพน้ำประปา น้ำบาดาล น้ำอุตสาหกรรม
งานน้ำเป็นอีกหนึ่งงานที่ต้องใช้ จานเพาะเชื้อแบบแก้ว เพราะค่าที่ตรวจวัดต้องชัดเจนและแม่นยำสูง
5. งานเพาะเลี้ยงสปอร์ เห็ด และงานเกษตรชีวภาพ
บางแล็บเกษตรใช้จานเพาะเชื้อแก้วในงาน:
-
เพาะเลี้ยงสปอร์เห็ด
-
เพาะเชื้อราเพื่อการเกษตร
-
เพาะเชื้อไตรโคเดอร์มา
-
ทดสอบประสิทธิภาพจุลินทรีย์ทางการเกษตร
จานแก้วช่วยให้สังเกตสี รูปร่าง และการเจริญเติบโตของเชื้อได้ชัดเจนกว่าพลาสติก
ข้อดีของจานเพาะเชื้อ(แก้ว) เมื่อเทียบกับจานเพาะเชื้อพลาสติก
H3: เหตุผลที่หลายแล็บยังคงเลือกจานแก้ว
-
ทนความร้อนสูง ฆ่าเชื้อซ้ำได้หลายรอบ
-
คุ้มค่าในระยะยาว เพราะใช้งานซ้ำได้
-
พื้นผิวเรียบ ให้ผลการทดลองแม่นยำกว่า
-
ลดขยะพลาสติก เหมาะกับแล็บที่เน้นความยั่งยืน
แม้ว่าจานพลาสติกจะสะดวกเพราะใช้แล้วทิ้ง แต่หลายงานต้องการผลทดลองที่เสถียร จานเพาะเชื้อแบบแก้วจึงยังเป็นอุปกรณ์หลักของงานวิจัยคุณภาพสูง
เลือกซื้อจานเพาะเชื้อ(แก้ว)แบบไหนให้เหมาะกับงาน?
ก่อนเลือกซื้อ ควรพิจารณา:
1. ขนาดของจาน
นิยมใช้มากที่สุด: 90–100 มม.
รองลงมา: 60 มม. / 120 มม.
2. ชนิดของแก้ว
ควรเลือก Borosilicate Glass เพราะทนความร้อนสูง (Autoclave ได้)
3. ความใสของเนื้อแก้ว
ยิ่งใส ยิ่งสังเกตโคโลนีได้ง่าย
4. ฝาปิดกระชับ แต่ไม่แน่นเกินไป
เพื่อให้มีออกซิเจนไหลผ่านในระดับเหมาะสม
5. การผ่านมาตรฐานห้องปฏิบัติการ
ควรเลือกสินค้าที่มีมาตรฐาน เช่น ISO, CE
วิธีดูแลและทำความสะอาดจานเพาะเชื้อ(แก้ว)
-
ล้างด้วยน้ำสบู่หรือสารทำความสะอาดอ่อน ๆ
-
ล้างซ้ำด้วยน้ำ DI (Deionized water)
-
ตากให้แห้งสนิท
-
ฆ่าเชื้อด้วย Autoclave อุณหภูมิ 121°C ก่อนใช้งาน
-
ห้ามใช้กับสารเคมีที่อาจกัดกร่อนแก้ว
การดูแลที่ถูกต้องช่วยยืดอายุจานแก้วและลดความเสี่ยงการปนเปื้อน
ข้อควรระวังและความผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้จานเพาะเชื้อ(แก้ว)
แม้ว่า จานเพาะเชื้อ(แก้ว) จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ง่าย แต่หากใช้งานไม่ถูกต้องก็อาจทำให้การทดลองปนเปื้อนหรือให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะในงานวิจัยและงานตรวจคุณภาพที่ต้องการความแม่นยำสูง ดังนั้นการใช้อย่างระมัดระวังจึงสำคัญมาก
1. การวางจานเพาะเชื้อผิดด้าน (กลับฝา–กลับก้นจาน)
หลายคนอาจไม่รู้ว่า จานเพาะเชื้อควรเก็บแบบ คว่ำฝา (ฝาอยู่ล่าง) หลังใส่อาหารเลี้ยงเชื้อ
เหตุผล:
-
ลดการเกิดหยดน้ำเกาะบนฝา
-
ป้องกันน้ำหยดกลับลงมาปนเปื้อนตัวอย่าง
-
ทำให้จุลินทรีย์เจริญสม่ำเสมอ
การวางผิดด้านถือเป็นความผิดพลาดพื้นฐานที่ทำให้ผลทดลองผิดเพี้ยนได้ง่ายมาก
2. ปิดฝาแน่นเกินไป ทำให้อากาศเข้าไม่ถึง
จานเพาะเชื้อ(แก้ว) ต้องมีช่องว่างเล็ก ๆ ให้จุลินทรีย์รับออกซิเจน
หากปิดฝาแน่นเกินไปจะเกิดปัญหา:
-
เชื้อเจริญเติบโตช้า
-
รูปแบบโคโลนีผิดปกติ
-
เกิดไอน้ำสะสมภายใน
ควรปิดฝา “พอหลวมกำลังดี”
3. ทำความสะอาดไม่หมดจดก่อนนำไปฆ่าเชื้อ
รอยคราบอาหารเลี้ยงเชื้อเก่า หรือคราบจุลินทรีย์ที่ติดอยู่ จะลดประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อใน Autoclave
วิธีแก้ไขที่ถูกต้อง:
-
แช่ด้วยน้ำร้อนหรือสารแช่ล้างแก้ว 15–30 นาที
-
ล้างด้วยน้ำสบู่
-
ล้างซ้ำด้วยน้ำ DI / RO
-
ตากให้แห้งก่อนนำเข้า Autoclave
4. นำจานแก้วที่ยังร้อนอยู่ไปใส่อาหารเลี้ยงเชื้อ
เป็นข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย เพราะรีบทำงานต่อ ทำให้เกิดปัญหา:
-
อาหารเลี้ยงเชื้อจับตัวเป็นฟิล์ม
-
พื้นผิวไม่เรียบ ทำให้แยกโคโลนียาก
-
เกิดหยดน้ำจำนวนมาก
ควรรอให้จานเย็นลงก่อนทุกครั้ง
5. ใช้จานที่มีรอยร้าวหรือรอยแตกเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัว
รอยร้าวเล็ก ๆ เป็นช่องทางให้เกิดการปนเปื้อนง่ายมาก และอาจทำให้จานแตกใน Autoclave (เสี่ยงอันตราย)
ควรตรวจสอบก่อนใช้งานทุกครั้ง โดยส่องกับไฟจะเห็นชัดที่สุด
6. ใช้ร่วมกับสารเคมีที่ทำให้แก้วกร่อน
ถึงแม้จานเพาะเชื้อแบบแก้วจะทนทาน แต่ก็ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมี เช่น
-
กรดไฮโดรฟลูออริก (HF)
-
สารกัดกร่อนเข้มข้นบางชนิด
-
เบสเข้มข้นที่แช่นานเกินไป
ควรใช้เพื่อการเพาะเลี้ยงเชื้อหรือทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น
7. เก็บในที่ชื้นเกินไปจนเกิดเชื้อรา
ถ้าพื้นที่จัดเก็บมีความชื้นสูง อาจทำให้ฝุ่น เชื้อรา หรือสปอร์เข้ามาเกาะจานได้
การเก็บรักษาที่ดีควร:
-
เก็บในตู้ปิด
-
ใส่ถุงซิปล็อกหรือกล่องปิดสนิท
-
ใส่สารกันความชื้นเล็กน้อย
เพื่อให้จานพร้อมใช้งานและลดการปนเปื้อนก่อนเริ่มงานจริง
บทสรุป: จานเพาะเชื้อ(แก้ว)เหมาะกับงานระดับมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำสูง
จานเพาะเชื้อ(แก้ว) เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในงานแลป ไม่ว่าจะเป็นงานเพาะเลี้ยงเชื้อ งานวิจัย งานตรวจคุณภาพน้ำ หรือแล็บอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยคุณสมบัติทนทาน ใช้ซ้ำได้ และสังเกตผลได้ง่าย จึงยังเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับงานวิทยาศาสตร์และการแพทย์
หากคุณต้องการผลทดลองที่มีความเสถียรและแม่นยำ จานเพาะเชื้อแบบแก้วถือเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด
FAQ เกี่ยวกับจานเพาะเชื้อ(แก้ว)
Q1: จานเพาะเชื้อ(แก้ว) ใช้ซ้ำได้กี่ครั้ง?
ขึ้นอยู่กับการดูแลและคุณภาพของแก้ว แต่โดยทั่วไปสามารถใช้ซ้ำได้หลายร้อยครั้งหากล้างและฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
Q2: จานเพาะเชื้อแก้วกับพลาสติก อันไหนดีกว่า?
หากใช้งานทั่วไปที่ต้องการความสะดวก จานพลาสติกตอบโจทย์ แต่ถ้าต้องการความแม่นยำสูงและลดความปนเปื้อน จานเพาะเชื้อแบบแก้วดีกว่า และคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
Q3: ใช้จานแก้วกับตู้เพาะเชื้อ CO₂ ได้ไหม?
ได้ สามารถใช้ได้ปกติ ตราบใดที่เป็นแก้วคุณภาพดีและไม่มีรอยร้าว
Q4: จานแก้วต้องใช้กับอาหารเลี้ยงเชื้อแบบไหน?
ใช้ได้กับทุกชนิด เช่น NA, PDA, EMB, MacConkey โดยเลือกตามชนิดจุลินทรีย์ที่ต้องการเพาะเลี้ยง
สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7



